อัยการคดีข้าวชง 'อสส.' ไล่รื้อจำเลยหนีคดีจีทูจีเก๊

อัยการคดีข้าวชง 'อสส.' ไล่รื้อจำเลยหนีคดีจีทูจีเก๊

"โฆษกอัยการ" เผยคณะทำงานคดีข้าว เสนอ "อสส." ร้องศาลฎีกานักการเมืองไต่สวนลับหลัง "หมอโด่ง อดีตเลขาฯ รมว.พาณิชย์-เอกชนอีกราย" คดีจีทูจีเก๊

นายวันชาติ สันติกุญชร อธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้พิจารณาคดีต่างๆ ในศาลต่อไปในคดีที่ไม่มีตัวจำเลยเพราะหลบหนีหลังจากถูกออกหมายจับ ว่า ล่าสุดที่ตรวจสอบในส่วนของคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชนรวม 27 ราย ร่วมทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นั้น มีจำเลยที่หลบหนีระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาฯ 2 คน คือ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ซึ่งทราบจากคณะทำงานอัยการที่รับผิดชอบคดีระบายข้าวจีทูจี ทราบว่า กำลังดำเนินการที่จะเสนออัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยเช่นกัน ซึ่งอัยการได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กฎหมายใหม่ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 เช่นเดียวกับคดีของนายทักษิณ ชินวัตร

ขณะที่ นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หนึ่งในคณะทำงานอัยการรับผิดชอบจำนำข้าวและระบายข้าวรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาอุทธรณ์ระบายข้าวจีทูจีว่า หลังจากที่คณะทำงานอัยการเสนอความเห็นทางคดีการทุจริตระบายข้าวจีทูจี ต่อนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด แล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอัยการสูงสุดเห็นชอบการยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าว คณะทำงานอัยการจึงได้ยื่นคำอุทธรณ์คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว หลังจากนี้ศาลจะดำเนินการส่งคำอุทธรณ์ให้จำเลยทำคำแก้อุทธรณ์ต่อไป

นายกิตินันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หนึ่งในคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดี กล่าวถึงประเด็นการยื่นอุทธรณ์ว่า อัยการได้ยื่นอุทธรณ์คดีในส่วนของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 (จำคุก 42 ปี) ซึ่งอัยการเห็นว่าการกระทำของนายบุญทรง ยังมีความผิดที่มีส่วนร่วมอนุมัติแก้ไขสัญญาระบายข้าวฉบับที่ 1 ที่มีการแก้ไขสาระสำคัญหลายครั้งแม้ว่าสัญญาระบายข้าวจะเริ่มมาก่อนที่นายบุญทรง จะเข้ารับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ จึงให้ศาลพิพากษาลงโทษเพิ่มเติมในส่วนนี้ด้วยจากโทษที่ได้ตัดสินไว้แล้ว

และอุทธรณ์ส่วนของน.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง กับ น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์จำเลยที่ 11-12 (จำคุก 16 ปี) ผู้บริหารบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งอัยการเห็นว่าที่ศาลลงโทษไว้นั้นเบาไป เนื่องจากอัตราโทษเท่ากับกลุ่มจำเลยที่นำส่งเอกสารการขึ้นแคชเชียร์ โดยเจตนาในการกระทำของจำเลยทั้งสองชัดเจนกว่าที่ได้ร่วมกระทำผิดสั่งดำเนินการ และอุทธรณ์อีกกลุ่ม คือเอกชนที่เป็นโรงสีข้าว จำเลยที่ 22-28 (ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร โดย นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ , นายทวี อาจสมรรถ , บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด โดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ , บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด โดย นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการ , นายปกรณ์ ลีศิริกุล , บริษัท เจียเม้ง จำกัด โดย นางประพิศ มานะธัญญา กรรมการ และนางประพิศ มานะธัญญา ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้องไป

นอกจากนี้อัยการยังได้ยื่นอุทธรณ์ในส่วนของอำนาจเรียกร้องสิทธิค่าเสียหายจากจำเลยในฟ้องคดีอาญานี้ ซึ่งศาลได้ยกฟ้องในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ , กรมการค้าต่างประเทศ ,องค์การคลังสินค้า (อคส.) , องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ด้วย โดยก่อนหน้านี้ศาลพิพากษาให้เฉพาะกระทรวงการคลังเท่านั้นที่มีอำนาจยื่นคำร้อง

ส่วนนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 1 (จำคุก 36 ปี) นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 4 (จำคุก 40 ปี) นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และอดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 (จำคุก 32 ปี) นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือ ทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 (จำคุก 24 ปี) นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 14 (จำคุก 48 ปี) และ น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 21 บุตรสาวเสี่ยเปี๋ยง (จำคุก 4 ปี) รวมทั้งกลุ่มเอกชนที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษแล้วนั้น อัยการพิจารณาแล้วไม่อุทธรณ์ เนื่องจากเห็นว่าศาลกำหนดโทษตามพฤติการณ์และกฎหมายแล้ว

นายกิตินันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวอีกว่า นอกจากการยื่นอุทธรณ์คดีแล้ว ขณะนี้คณะทำงานอัยการ ยังเตรียมทำคำแก้อุทธรณ์ที่นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1 , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 และนายนิมล หรือโจ รักดี จำเลยที่ 15 (ลูกน้องคนสนิทของนายอภิชาตหรือเสี่ยเปี๋ยง) ได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อศาลไว้ ส่วนของจำเลยอื่นๆ นั้นอัยการยังไม่ได้รับสำเนาคำอุทธรณ์จากศาลฎีกาฯ จึงยังไม่แน่ชัดว่าจำเลยคนใดบ้างที่ยื่นอุทธรณ์สู้คดีอีกหรือไม่

อย่างไรก็ดีเมื่อขณะนี้ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ ฉบับใหม่บังคับใช้แล้วให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยที่หลบหนีคดีได้ คณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีระบายข้าวก็ได้เสนอเรื่องต่ออัยการสูงสุด พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ให้นำคดีในส่วนของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ซึ่งหลบหนีระหว่างการพิจารณา มาพิจารณาต่อไป โดยต้องรอให้อัยการสูงสุดมีความเห็นลงมาก่อน หากอัยการสูงสุดเห็นชอบ คณะทำงานจะได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ในส่วนนี้โดยไม่ชักช้าต่อไป ซึ่งทางคดีก็มีพยานหลักฐานพร้อมดำเนินการได้ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการติดตามตัว พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี นั้น หลังจากศาลฎีกาฯ มีคำสั่งออกหมายจับแล้วเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.58 ในนัดพิจารณาคดีครั้งแรกแล้ว และมีการนำหมายจับส่งให้ สตช.แล้ว ปัจจุบัน ยังไม่คืบหน้าเกี่ยวกับการจับกุมตัวจำเลยทั้งสองแต่อย่างใด