Daily Strategy (22 พ.ย.60)

Daily Strategy (22 พ.ย.60)

Fund Flow วนกลับไปมาระหว่างตลาดหุ้น-ตลาดบอนด์

ตลาดหุ้นวานนี้ กลุ่มประเทศ TIPs คือไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มีแรงขายทำให้ปิดติดลบ แต่เราเชื่อว่าสำหรับตลาดหุ้นไทย Fund Flow ยังไม่ได้ออกไปไหน แต่เวียนเข้าไปในตลาดพันธบัตรแทน เพราะเรายังเห็นการแข็งค่าของเงินบาทต่อ กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำมองดูเทรนด์โลก และเทรนด์ไทย ประกอบกัน เทรนด์โลก เรายังมองราคาน้ำมันในระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ +/- ในช่วงปีหน้า ซึ่งผลบวกจะตกอยู่กับกลุ่มธุรกิจปลายน้ำมากกว่าต้นน้ำ แนะนำซื้อ IVL ซึ่งเป็นหุ้นที่กำไรยกฐานขึ้นอย่างโดดเด่น และแนะนำขาย PTTEP ต่อไป ส่วนเทรนด์ไทย เน้นไปที่ Theme เกี่ยวข้องกับ EEC เน้นตรงไปที่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ ที่จะมียอดขายเพิ่ม โดยเน้น AMATA ซึ่งขายที่ดินได้เรื่อย ๆ ตามการขยับตัวของ EEC แต่ที่น่าสนใจคือราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ขณะที่ AMATA มีต้นทุนที่ถูกกว่าผู้ประกอบการอื่น และ ANAN ซึ่งมี Backlog มากพร้อมโอนในไตรมาส 4/60 และปี 2561 ค่อนข้างมากอย่างมีนัยยะ ส่วนหุ้นเด่นวันนี้ เลือกลงทุนรายตัว KKP, TTA, BCP เป็นการจับจังหวะซื้อเมื่อหุ้นอ่อนตัว

หุ้นเด่นวันนี้: KKP(ราคาปิด 76.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าของ AWS 84.00 บาท)

  • KKP รายงานสินเชื่อ ณ เดือน ต.ค. 2560 เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 1.2% MoMและ 6.8% YoYเราคาดการณ์แนวโน้มสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี หนุนโดยช่วงไฮซีซั่นและปัจจัยบวกจากงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ที่จะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. นี้ เราคาดสินเชื่อจะเติบโต 8% ในปี 60 และ 12% ในปี 61 เราคาดการณ์กำไรสุทธิของ KKP จะเติบโตประมาณ 6% ทั้งในปีนี้และปีหน้า นอกจากนั้นแล้ว หุ้นดังกล่าวยังให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจมากที่ 5.2-5.9% ในช่วงปี 60-61
  • Price Pattern ของ KKP ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KKP มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 81 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 100 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ KKP มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 50 บาท (Resistance: 77.25, 78.00, 78.50; Support: 76.25, 75.75, 75.00)

ปัจจัยในประเทศ:

  • กำไรสุทธิ บจ. ใน ตลท. ในงวด 9 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 3.7% YoYอยู่ที่ 7.08 แสนล้านบาท หนุนโดยการปรับตัวดีขึ้นของกลุ่มปิโตรเคมี พาณิชย์ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยที่บริษัทหลายๆ แห่งได้อานิสงค์จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น บวกกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และสาธารณูปโภค (บางกอกโพสต์)
  • ลุย 2 โปรเจกต์ใหญ่ EEC ชงนายกฯ เคาะวันนี้ นำร่องลงทุน 2 แสนล้าน ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (บอร์ด) ครั้งที่ 3/2560 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยวาระสำคัญที่จะเสนอเพื่อพิจารณา คือ การอนุมัติโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน และศูนย์ซ่อมและบำรุงอากาศยาน มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อให้เป็น 2 โครงการแรกที่จะมีการประกาศร่างขอบเขตงาน หรือทีโออาร์ ช่วงเดือน ธ.ค.นี้ และเริ่มประมูลต้นปี 2561 (ที่มา: โพสต์ทูเดย์) ความเห็น เป็นบวกทางตรงต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และเป็นบวกทางอ้อมต่อ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • สหรัฐฯ: ดาวโจนส์-Nasdaqและ S&P500 ปิดทำนิวไฮทั้งสามตลาดเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจาก (1)ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน (2)ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ (3)นักลงทุนยังคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้ ความเห็น: หากเป็นดังนั้นจะถือว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นบวกและดีเร็วกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดกันไว้ก่อนหน้านี้ว่ากว่าจะเริ่มดำเนินการได้อาจเป็นปี 2562 เราเห็นว่าน่าจะเริ่มส่งผลเชิงบวกต่อหุ้นไทยที่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ IVL, EPG และ TU
  • ยุโรป:ตลาดหุ้นปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงอีซีเจ็ท และโฟล์คสวาเกน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี หลังจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ประกาศความพร้อมที่จะเป็นผู้นำพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากมีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม ความเห็น: ประเด็นความกังวลเรื่องเยอรมัน คาดว่าจะส่งทำให้เงินไหลออกจากยุโรปบางส่วน และน่าจะผลบวกต่อราคาทองคำ และค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ประเด็นดังกล่าวคาดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทย แต่กระทบทิศทางของ Fund Flow คาดว่าเงินไหลเข้าสหรัฐฯ และภูมิภาคเอเชีย

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันดิบ: ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความเชื่อมั่นว่ากลุ่มโอเปกจะขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 30 พ.ย. นี้ โดยทางฝั่งผู้ผลิตในกลุ่มโอเปก รัสเซียและผู้ผลิตนอกกลุ่มต้องการขยายเวลาออกไป เพื่อรักษาสมดุลปริมาณน้ำมันดิบและพยุงราคาให้ไม่ตกลงไปอีก ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ53 -58เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60 -65เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
  • ราคาทองคำ: ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งทำนิวไฮและการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ได้สกัดแรงบวกของตลาดทองคำในระหว่างวัน นอกจากนี้เราคาดว่าทองคำได้แรงหนุนบวกจากความวิตกกังวลสถานการณ์การเมืองในเยอรมันด้วย
  • ค่าระวางเรือเทกอง:ปิดบวกเป็นวันที่ 3 ที่ระดับ 1,396 จุด บวก 11 จุด หรือ +0.79% เรายังมองเป็นปัจจัยหนุนหุ้น PSL, TTA ที่ราคาปรับตัวลงมาต่ำอีกรอบ ทั้ง PSL และ TTA มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อภาพรวมอุตสาหกรรมเรือเทกอง ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า
  • ค่าการกลั่นพลิกฟื้น กลับมายืน 7.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล +0.03เหรียญฯหรือ +0.41% ค่าการกลั่นลดความกดดันและสร้างผลบวกเชิง Sentiment ต่อธุรกิจโรงกลั่น