เครื่องใช้ไฟฟ้าโหมออนไลน์ดันยอดขาย

เครื่องใช้ไฟฟ้าโหมออนไลน์ดันยอดขาย

ร้านค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าเร่งปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ทั่วโลกธุรกิจ “ทรงตัว”  พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนหันช้อปออนไลน์  พลิกหน้าร้านสู่ “โชว์รูม-คลังสินค้า”  เพาเวอร์บาย ประกาศลุย “ออมนิแชนแนล” ดัน คลิ๊กแอนด์คอลเล็คท์ เชื่อมออนไลน์-ออฟไลน์

พัฒนาการของเทคโนโลยีล้ำสมัย และการเติบโตของการค้าออนไลน์ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีทั้งผลกระทบและสร้างโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ให้ทันสถานการณ์  

นายโลร็องต์ โปซ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และบริการด้านตลาดออนไลน์ “เพาเวอร์บาย” เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมือถือ ดีไซน์ต่างๆ สนับสนุนสินค้าและบริการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ง่ายและสะดวกขึ้น เป็นแนวโน้มตลาดที่สำคัญทำให้เพาเวอร์บายวางกลยุทธ์ธุรกิจมุ่งนำระบบออมนิแชนแนล (Omni channel) ผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์รองรับการเข้าถึงของลูกค้าได้ทุกช่องทาง

“เพาเวอร์บาย ไม่ใช่แค่ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่พร้อมจะพัฒนาสู่ โททัล โซลูชั่น เซอร์วิส (Total Solution Services) เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและประทับใจในบริการทุกด้าน"

ทั้งนี้หากพิจารณาในภาพรวมธุรกิจร้านค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วโลกค่อนข้างทรงตัว ไม่มีการเติบโตมากนัก รวมทั้งประเทศไทยที่ตลาดค่อนข้างชะลอตัว แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจจากการปรับตัวเข้าสู่ระบบออนไลน์ รวมทั้งการปรับแผนการจำหน่ายสินค้าตามแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น อาทิ กลุ่มสินค้ามือถือ (สมาร์ทโฟน) ที่ยังมีการเติบโตสูงต่อเนื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กที่สอดรับการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม เป็นต้น  

ปั้นแพลตฟอร์มไร้รอยต่อ

 อย่างไรก็ตาม แผนธุรกิจหลักของเพาเวอร์บายมุ่งพัฒนาระบบออมนิแชนแนลมุ่งรวมช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อเข้ามาใช้บริการผ่านสาขาของเพาเวอร์บาย และช้อปออนไลน์  โดยจะมีเครื่องมือหลัก ได้แก่ ออนไลน์ คีออส เครื่องให้บริการอัตโนมัติในรูปแบบมัลติฟังก์ชันเซลฟ์เซอร์วิส เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ลูกค้าสามารถค้นหามูลสินค้าได้ด้วยตัวเอง เปิดให้ลูกค้าใช้งานกว่า 10 สาขาทั่วประเทศ อนาคตจะขยายครอบคลุมทุกสาขาของเพาเวอร์บายสำหรับรับคำสั่งซื้อที่ร้าน

นอกจากนี้ได้พัฒนา เพาเวอร์บาย คลิ๊กแอนด์คอลเล็คท์ (Power BuyClick & Collect) ภายใต้คอนเซปต์ Fast-Free-EasyFast ทันใจช้อปออนไลน์ รวดเร็วทันใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์เพาเวอร์บาย ส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำในการซื้อสินค้า ลูกค้าสามารถแจ้งรับสินค้าได้ที่สาขาและจุดรับบริการใกล้บ้าน ซึ่งเข้าถึงง่ายและครอบคลุมพื้นที่ อนาคตจะมีความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจอื่นๆ เพื่อขยายจุดรับสินค้า  

รวมทั้ง เพาเวอร์บาย ดิจิทัล ซิกเนจ (Power Buy Digital Signage) ร้านเพาเวอร์บายโฉมใหม่ในรูปแบบดิจิทัล แพลตฟอร์ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการรับข้อมูลประชาสัมพันธ์ทั้งด้านโปรโมชั่น สินค้า และบริการ

ร้านขนาดใหญ่แนวโน้มลดลง

แนวโน้มการเติบโตของการค้าออนไลน์แบบก้าวกระโดดทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าที่ทุกที่ทุกเวลา ขณะที่ร้านเพาเวอร์บายอาจไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่มากเหมือนในอดีตอีกต่อไป  ปัจจุบันเพาเวอร์บายขยายสาขาในขนาดพื้นที่ 700-800 ตร.ม. และขนาด 1,000 ตร.ม. 

“ร้านค้าปลีกยังคงมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องซึ่งจะทำหน้าที่เสมือนโชว์รูมสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมียมที่ลูกค้ายังต้องการมาสัมผัส และมีประสบการณ์ร่วม ขณะเดียวกันเครือข่ายสาขายังเปรียบเสมือนโกดังป้อนสินค้าให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว” 

ปัจจุบัน เพาเวอร์บาย มีสาขาประมาณ 88 แห่งทั่วประเทศ เป็นการเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ 6 แห่ง วันที่ 23 พ.ย. เตรียมเปิดสาขาใหม่ เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย ภายในเดือน ธ.ค.เปิดเพิ่มอีก 2 สาขา โรบินสัน กำแพงเพชร และท็อปส์ มาร์เก็ตวิลเลจ พิจิตร รวมสิ้นปีมีสาขาทั้งสิ้น 92 แห่ง

ปีหน้าเตรียมเปิดเพิ่ม 15 สาขา โดยจัดสรรงบประมาณกว่า 600 ล้านบาทใช้สำหรับขยายสาขาใหม่ ปรับปรุงสาขาเก่า และพัฒนาระบบเทคโนโลยีไอที 

อัดแคมเปญกระตุ้นซื้อไฮซีซัน 

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ได้รับแรงหนุนจากโครงการช้อปช่วยชาติของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดอุปสงค์ของผู้บริโภค ได้แก่ การขยายตัวของที่อยู่อาศัยทำให้มียอดการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพิ่มขึ้น แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ ง่าย พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเปลี่ยนสู่ดิจิทัลไลฟ์สไตล์มากขึ้น มีความต้องการสินค้าที่มีดีไซน์ทันสมัยและมีเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต 

ในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ เพาเวอร์บาย ได้จัดแคมเปญ “Power BuyBig Campaign Super Surprise ช้อปสุดชิล ฟินทุกเวลา”  มอบส่วนลดพิเศษเมื่อช้อป 1 หมื่นบาท รับคูปองส่วนลดช้อปเพิ่มอีก 1 หมื่นบาททันที เป็นต้น

ปีนี้ เพาเวอร์บายตั้งเป้าหมายยอดขาย  1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 8%  ขณะที่ปีหน้าทิศทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ปรับตัวดีขึ้นจะผลักดันยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%  ขณะที่ยอดขายจากออนไลน์คาดมีสัดส่วน 5% ในปีหน้าและเพิ่มเป็น 10%  ภายในปี 2563 

ชู‘ไลฟ์สไตล์เดสทิเนชั่น’

ทางด้าน นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า เพาเวอร์มอลล์  บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า  กลุ่มเครื่องไฟฟ้ายังเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการสัมผัส ทดลอง สินค้า เพาเวอร์มอลล์ จึงมุ่งตอบโจทย์ คัสโตเมอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ พร้อมก้าวสู่ “ไลฟ์สไตล์ อิเล็คทรอนิคส์ เดสทิเนชั่น”

ทั้งนี้ เพาเวอร์มอลล์ สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยการกระตุ้นความต้องการของสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ ก่อนการตัดสินใจซื้อ ผ่านการครีเอทดีมานด์  โดยมีการจัดกิจกรรมกับสินค้ารุ่นใหม่ รุ่นยอดนิยม ในทุกกลุ่มสินค้า ให้ลูกค้าได้สัมผัสหรือมีประสบการณ์เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ขายด้วยความครบครันของสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี เครื่องเสียง เครื่องไฟฟ้าภายในบ้าน สมาร์ทโฟน สินค้าไอที ฯลฯ และเกิดการเปรียบเทียบ ขณะเดียวกัน สร้างโปรโมชั่นที่เร่งการตัดสินใจและการให้บริการ

“แม้โลกดิจิทัลจะทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น แต่เครื่องไฟฟ้า การได้ทดลอง การมีประสบการณ์กับสินค้านั้นๆ ยังเป็นเรื่องสำคัญ”

อย่างไรก็ดี สินค้า 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ สมาร์ทโฟน, คอมพิเวอร์เตอร์และโน๊ตบุ๊ก, ทีวีขนาดซูเปอร์ไซส์ รวมถึงทีวีแพลตฟอร์มใหม่ เช่น OLED, QLED ที่ให้ความคมชัดในระดับทีวีจอใหญ่, เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านชิ้นใหญ่ และกล้องดิจิทัล เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม