บช.ปส. แถลงจับยาเสพติด 5 คดี มูลค่ากว่า 929 ลบ.

บช.ปส. แถลงจับยาเสพติด 5 คดี มูลค่ากว่า 929 ลบ.

บช.ปส. แถลงจับยาเสพติด 5 คดี ยึดยาบ้ารวม 4 ล้านเม็ด ไอซ์ 59 กก. เคตมีน 50 กก.-ทรัพย์สินอีกเพียบ รวมมูลค่ากว่า 929 ล้านบาท ผบช.ปส. เล็งใช้ “เปลี่ยนเม็ดยาเป็นเม็ดเงิน” ไล่ล่าตรวจสอบทรัพย์สินขบวนการค้ายา

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป.1) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรวม 5 คดี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย เป็นชาย 8 คน หญิง 2 คน ยึดของกลางเป็นยาบ้ารวม 4,090,000 เม็ด ไอซ์ 59 กก. เคตามีน 50.33 กก. ตรวจยึดรถยนต์ 7 คัน รถจยย. 5 คัน โทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง และเงินสด รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 929,615,720 บาท

20171121153608332

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นผลจากการปราบปรามยาเสพติดในช่วงวันที่ 16-19 พ.ย. 60 โดยทาง บช.ปส.ได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส. สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย สภ.ห้วยไร่ จ.แพร่ และทหาร ศป.ปส.ชน. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย คือ นายนพพล มอสสีงาม อายุ 24 ปี นายรัฐนโชติ บุตรนามดี อายุ 37 ปี ทั้งสองเป็นชาว จ.แพร่ นายธนนันธ์ บดินทร์เมธังกุล อายุ 38 ปี ชาว จ.เชียงราย นายอนุรักษ์ เกษรินทร์ อายุ 21 ปี ชาวจ.สุราษฎร์ธานี และเด็กหญิงวัย 13 ปี ภรรยาของนายอนุรักษ์ พร้อมของกลาง ยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์กระบะ 3 คัน รถยนต์เก๋ง 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่ตลาดโชคเจริญ หมู่ 13 ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงรายต่อเนื่องบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. เลขที่ 40/4 หมู่ 1 ถ.เอเซีย ต.บางเดื่อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผ่านไปพื้นที่ตอนในปลายทางอยุธยา โดยใช้รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล มีโครงเหล็กติดตั้งที่กระบะทำการลำเลียงยาบ้า และใช้สินค้าทางการเกษตรปิดอำพรางยาบ้าจึงวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ จนพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน ผฉ 6330 สุราษฎร์ธานี เข้ามาจอดตรงทางเข้าตลาดโชคเจริญ อ.เมือง จ.เชียงราย ตำรวจชุดจับกุมจึงทำการเรียกตรวจสอบ พบว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ จากการสอบสวนนายนพพลและพวกรวม 3 คน ให้การว่าได้ติดต่อกับผู้ที่จะรับยาเสพติดไว้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่จึงอำพรางตัวโดยนัดหมายกับผู้ที่จะมารับยาเสพติดก่อนนำรถขนยาเสพติดไปยังสถานที่ที่นัดหมายไว้ ทำให้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 2 คน คือนายอนุรักษ์และภรรยา วัย 13 ปี สอบสวนทั้งสองให้การว่า ปกติทำอาชีพรับจ้าง ส่วนเรื่องขนยาเสพติดได้รับการว่าจ้างเป็นเงิน 8,000 บาท ให้รับยาบ้าจากจ.พระนครศรีอยุธยา ส่งต่อไปที่จ.กระบี่ ก่อนมาถูกจับกุม เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต" นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส. เพื่อขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจยานพาหนะชุมพร กก.2 บก.ปส.4 และตำรวจในพื้นที่ จ.ชุมพร ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายธีรภัทร ลำภา อายุ 31 ปี ชาวจ.ปราจีนบุรี นายเกียรติศักดิ์ ขันโท อายุ 33 ปี จ.ปราจีนบุรี นายมนตรี ประชุมคุณ อายุ 25 ปี ชาวจ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลาง ยาบ้าลักษณะเม็ดกลมแบนสีส้ม จำนวน 90,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง แทปเล็ต 1 เครื่อง รถยนต์เก๋ง จำนวน 2 คัน เงินสด 30,720 บาท สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายมินิสทิงพระ จะทำการลับลอบขนยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา โดยใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า เป็นเป็นพาหนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจยานพาหนะชุมพร กก.2 บก.ปส.4 จึงสนธิกำลังกับตำรวจในพื้นที่ ตั้งจุดตรวจบริเวณริมถนนเพชรเกษม (กรุงเทพฯ-ชุมพร) หน้าที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร จนพบรถยนต์เก๋งต้องสงสัย มีนายธีรภัทร เป็นผู้ขับขี่ จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่นายธีรภัทรกลับเลี้ยวรถหลบหนี ตำรวจไล่ติดตาม จนถึงบริเวณริมถนนใกล้กับอู่บัญชาเพลาลอย ถนนสาย อ.ท่าแซะ-ชุมพร จ.ชุมพรนายธีรภัทร ได้จอดรถแล้วหยิบถุงกระสอบจากท้ายรถแล้ววิ่งหลบหนี ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็วิ่งติดตามจนควบคุมตัวไว้ได้

จากการตรวจสอบภายในถุงกระสอบพบยาบ้า จำนวน 90,000 เม็ด จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจับกุมนายเกียรติศักดิ์ และนายมนตรี ซึ่งทำหน้าที่เป็นรถนำได้จากการสอบสวนนายธีรภัทรให้การว่ารับยาบ้าจากหน้าวัดนาขวาง อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร เพื่อไปส่งให้กับลูกค้าที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา และได้รับค่าจ้าง 200,000 บาท เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบก.ปส.4 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ บก.ปส.3 บช.ปส. ได้ทำการจับกุม นายจำลอง หรือจา แซ่โซ้ง อายุ 32 ปี ชาว นายชัย แซ่โซ้ง อายุ 30 ปี ทั้งสองเป็นชาวจ.เชียงราย พร้อมของกลาง ยาบ้า 100,000 เม็ด ไอซ์ น้ำหนักรวม 9 กก. สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติด จึงติดต่อล่อซื้อในราคา 4.5 ล้านบาท โดยนัดส่งมอบกันบริเวณไหล่ทางหน้าบริษัทเมืองไทยลิสซิ่ง อ.เทิง จ.เชียงราย ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมนายจำลองได้ ก่อนขยายผลจับตัวนายชัยที่ชายป่าพื้นที่หมู่บ้านตีนเป็ด หมู่ 7 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ก่อนจะตรวจยึดยาเสพติดที่บริเวณริมทางตรงข้ามป้ายหมู่บ้านตีนเป็ดเบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบ ครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต" นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบก.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 4 สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สืบทราบว่าจะมีกลุ่มค้ายาเสพติดลักลอบส่งยาเสพติดทางพัสดุจากประเทศไทยไปยังประเทศฮ่องกง จึงทำการตรวจสอบพัสดุตามกล่องต่างๆ ด้วยเครื่องสแกนพบกล่องพัสดุต้องสงสัย จึงตรวจสอบพบยาเคตามีนถูกซุกซ่อนในกระป๋องแป้ง ยี่ห้อแป้งโยคี จำนวน 5 กระปุก น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 330 กรัม บรรจุภายในกล่องพัสดุ DHL สีเหลือง ขนาดเบอร์ 3 เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลผู้ส่งและผู้รับรวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป

20171121153607925

คดีที่ 5 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.3 บก.ปส.3, บก.สกส.บช.ปส., เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภ.6, สภ.หยุหะคีรี, และเจ้าหน้าที่ทหาร สืบสวนทราบว่า จะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจากทางภาคเหนือ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก มาจากทางภาคเหนือลงสู่เขตภาคกลางและปริมณฑล มากับรถยนต์กระบะโดยจะใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย เป็นเส้นทางลำเลียง จึงตั้งด่านเพื่อสกัดตรวจค้นจับกุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 07.30น. วันที่ 19 พ.ย. เจ้าหน้าที่ได้ทำการตั้งด่านตรวจ จนเห็นรถกระบะ2 คันต้องสงสัยจึงเรียกตรวจค้น แต่รถกระบะทั้ง 2 คันได้ขับหลบหนีไปตามถนนเอเซีย เจ้าหน้าที่จึงทำการติดตาม แต่เนื่องจากตอนนั้นมีรถของประชาชนวิ่งอยู่บนท้องถนนจำนวนมาก เกรงว่าประชาชนจะได้รับอันตราย จึงไม่สามารถใช้อาวุธปืนได้ จากนั้น คนร้ายได้จอดรถทิ้งไว้ข้างทางก่อนจะหนีลงไปป่าข้างทาง

จากการตรวจสอบรถกระบะทั้ง 2 คัน พบยาบ้า จำนวนประมาณ 3,500,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 50 ก้อน หรือประมาณ 50 กิโลกรัม เคตามีน จำนวน 50 ก้อนประมาณ 50 กิโลกรัม ยาเสพติดทั้งหมดถูกบรรจุภายในถุงกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายจำนวน 15 ใบ เพื่อง่ายต่อการขนส่ง ซึ่งผู้ต้องหาขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนยาเสพติดทั้งหมดเจ้าหน้าที่จะยึดไว้เป็นของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า ยาเสพติดส่วนใหญ่ที่สามารถจับกุมได้ในครั้งนี้ เป็นยาของกลุ่มหว้าใต้ ซึ่งต่อไปนี้ทางบช.ปส. จะทำการไล่ล่าเรื่องทรัพย์สินทั้งหมด เพราะจากการคำนวณตัวเลข ยกตัวอย่างคดี “เอกอ้วน” รอบที่แล้ว มีทรัพย์เป็นพันล้าน แต่เรายึดได้ไม่เกินร้อยล้าน ถ้าสกัดกั้นเงินเหล่านี้ไม่ได้ การซื้อขายยาเสพติดก็จะยังมีอยู่ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการโอนเงินจำนวนมากตามชายแดน โดยมีผู้ต้องสงสัย 1 รายโอนเงิน 5 พันล้านบาทภายใน 1 ปี ดังนั้น ตำรวจจะต้องทำนโยบาย “เปลี่ยนเม็ดยาให้เป็นเม็ดเงิน” โดยเม็ดยาก็จะให้ตำรวจภาคต่างๆช่วยดำเนินการจับกุม และ บช.ปส. จะทำการไล่ล่าเม็ดเงินด้วย อย่างไรก็ตาม

“ขออย่ากังวลว่ายิ่งจับยาเสพติดยิ่งมาก เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเก่งขึ้น ทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดหลบซ่อนพรางตัวไม่ได้ ซึ่งต่างประเทศก็ชื่นชมในการทำงานของเรา” พล.ต.ท.สมหมายระบุ