ลูกจ้างแสบเชิดเงินเจ้าของโรงสีเกือบ 7 แสน

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 เวลา 10.00 น. ที่ สภ.กมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สภ.กมลาไสย พ.ต.ท.อาคม นารินทร์ รองผกก.(สืบสวน) สภ.กมลาไสย พ.ต.ท.นรวิชญ์ แสงทับ สว.สส.สภ.กมลาไสย ร.ต.อ.ปรัชญา ตั๊นสกุล พนักงานสอบสวน ได้ร่วมกันสอบสวน น.ส.ลักษณ์มณี ไพรึก อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 115 หมู่ที่ 2 ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ นายอินทร์ ภูกองสังข์ อายุ 71 ปีเจ้าของลานรับซื้อข้าวเปลือกพ่ออินทร์รุ่งเรือง เลขที่ 400 หมู่ที่ 2 ต.หนองแปน อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้เข้ามาร้องทุกข์ ให้จับกุมตัว นายเกรียงไกรหรือเบนซ์ เขียวสา อายุ 31 ปี เลขที่ 195 หมู่ที่ 10 ตำบลนางั่ว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ในความผิดยักยอกทรัพย์

โดย นายเกรียงไกร ผู้ต้องหารายนี้ เป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถส่งข้าวเปลือกไปขายให้กับโรงสีใหญ่ในหลายจังหวัด แต่ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2560 นายอินทร์ ผู้เสียหาย ได้ให้ นายเกรียงไกรฯผู้ต้องหา นำข้าวเปลือกไปจำหน่ายยังโรงสีใหญ่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด และให้รับเงินจำนวน 665,610 บาท กลับมาด้วย แต่ปรากฏว่าในวันดังกล่าว นายเกรียงไกร ผู้ต้องหา เมื่อไปขายข้าวเปลือกแล้ว กลับไม่นำเงินมาให้ ซ้ำร้ายยังนำรถบรรทุกจ้าวไปจอดทิ้งไว้ ที่บริเวณถนน สายขอนแก่น-โพนทอง เขต ตำบลธัญญา อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ แล้วหายตัวไปอย่างลึกลับ

 คดีนี้พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อจับกุม ปรากฏว่า พบเส้นทางการใช้เงิน ของ นายเกรียงไกร ผู้ต้องหา หลังหลบหนี ได้นำเงินสดจำนวน 1 แสนบาท และซื้อทองเป็นแหวนจำนวน 1 สลึง ให้กับ น.ส.ลักษณ์มณี ไพรึก แฟนสาว ซึ่งตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวมาได้ โดยยอมรับว่าเงินจำนวน 1 แสนบาท และแหวนทอง 1 สลึง ได้รับมาจาก นายเกรียงไกร จริงโดยไม่รู้ว่าเงินและทองดังกล่าวได้มาอย่างไร แต่ยอมรับว่าได้คบหาเป็นแฟนมาได้ 1 เดือนเท่านั้น ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน จึงได้ตั้งข้อหา น.ส.ลักษณ์มณี ไพรึก และ นายเกรียงไกร เขียวสา ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ แต่ในขณะนี้ นายเกรียงไกร เขียวสา ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลบหนีไปก่อน เนื่องจาก มีการลงข่าวในรูปคดีทางเฟสบุ๊ค จึงทำให้หลบหนีไปทิ้งไว้แต่ น.ส.ลักษณ์ แฟนสาว

พล.ต.ต.มนตรี จรับพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ต้องการให้ผู้ต้องหาให้เข้ามามอบตัวโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ตั้งข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ไปแล้ว พร้อมกับขอหมายจับจากศาลแล้ว ซึ่ง นายเกรียงไกร เขียวสา ผู้ต้องหารายนี้ถือว่ามีประวัติโชกโชน และก่อคดีที่กระทำความผิดต่อนายจ้างในหลายท้องที่ ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นที่ อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นคดียักยอกทรัพย์ และจังหวัดเพชรบูรณ์ ในคดียักยอกทรัพย์ และยาเสพติด อีกทั้งยังมีคดีในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีคดียาเสพติด และมีเจ้าทุกข์แจ้งความเอาไว้เป็นจำนวนมาก

นายอินทร์ รุ่งเรือง ผู้เสียหาย กล่าวว่า ถือเป็นความผิดพลาดในความไว้วางใจ เพราะเห็นว่าเป็นคนดีซึ่งก็ไว้ใจแต่คงจะดูที่หน้าตาไม่ได้คงต้องดูที่ประวัติและต่อไปนี้ก็จะทำการสอบประวัติอย่าละเอียดก่อนรับเข้าทำงานอีกทั้งก็คงจะไม่ยอมปล่อยให้ไปขายข้าวและถือเงินจำนวนมากแบบนี้อีกแล้ว