วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (20 พ.ย.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (20 พ.ย.60)

ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความเชื่อมั่นว่ากลุ่มโอเปคจะขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมัน

+ ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 2 หลังซาอุดิอาระเบียส่งสัญญาณว่า โอเปคมีแนวโน้มที่จะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไป และการหยุดดำเนินการของท่อขนส่งน้ำมัน Keystone

+ รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบีย เผยว่าหากไม่มีการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไป ตลาดจะยังเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 61 และมองว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังยังคงจะไม่สามารถปรับลดลงสู่ระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี  ตามที่กลุ่มโอเปคตั้งเป้าหมายไว้

+ ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone จากแหล่งน้ำมันดิบในแคนาดามายังสหรัฐ กำลังการขนส่ง 590,000 บาร์เรลต่อวัน หยุดดำเนินการ หลังพบการรั่วไหลที่รัฐ South Dakota ของสหรัฐ ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบที่ขนส่งมายังจุดส่งมอบน้ำมันคุชชิ่ง โอกลาฮามา มีแนวโน้มปรับตัวลดลง

+ ผู้จัดการกองทุนมีปริมาณการถือครองสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดซื้อขาย NYMEX สุทธิ (Net Long Position)สัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 14 พ.ย. 60 ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่เก้า มาอยู่ที่ 413,359 สัญญา แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.

+/- Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 พ.ย. 60 ทรงตัวอยู่ที่ 738 แท่น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์จากอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากกแรงซื้อจากเวียดนาม ประกอบกับอุปทานที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นในออสเตรเลียหยุดดำเนินการผลิตกระทันหันหลังระบบไฟฟ้าขัดข้อง

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 53 - 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60 - 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • การขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคมีความเป็นไปได้มากขึ้น หลังยังไม่มีประเทศใดคัดค้านข้อตกลงนี้ นอกจากนี้เลขาธิการกลุ่มโอเปค เผยว่า โอเปคกำลังหาทางบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้ได้ก่อนการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว
  • สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวมากขึ้น จากเหตุการณ์การกวาดล้างคอรัปชั่นภายใต้การนำของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎหราชกุมารของซาอุดิอาระเบีย เหตุการณ์ดังกล่าวนับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการเมืองในซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมันดิบจาก Shale oil ในเดือน ธ.ค. มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 6.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน

---------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999