รวบหนุ่มใหญ่ อ้างตัวเป็นตร. หลอกพาสาวเมียนมาข่มขืน

รวบหนุ่มใหญ่ อ้างตัวเป็นตร. หลอกพาสาวเมียนมาข่มขืน

รวบหนุ่มใหญ่ อ้างตัวเป็นตร.สายตรวจ ออกอุบายพาสาวเมียนมา ขึ้นจยย.พาไปข่มขืน พบเคยก่อคดีลักทรัพย์-ติดคุกมาแล้วหลายครั้ง อ้างมีเมียหลายคน ต้องหาเงินเลี้ยงดู

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่18 พฤศจิกายน 2560 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พร้อมชุดสืบสวน บก.น.2 ตำรวจทุกสถานีที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงการจับกุม นายสมพร ออละวัลย์ อายุ 53 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีลักทรัพย์ และข่มขืนหลายพื้นที่ ทั้ง สภ.เมืองสมุทรปราการ สน.บางขุนเทียน สน.นางเลิ้ง สน.บวรมงคล สน.พระโขนง สน.พญาไท สน.บุคคโล สน.สุทธิสาร รวมเกือบ 10 หมาย ตระเวนก่อเหตุตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน ถึง พฤศจิกายน 2560 โดยใช้รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ ทะเบียน 6 กข 4082 กรุงเทพมหานคร และรถเก๋ง ฮอนด้า ซิตตี้ ทะเบียน ษง 1740 กรุงเทพมหานคร ที่ขโมยมาเป็นยานพาหนะ โดยเจ้าที่สามารถจับกุมได้ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งย่านลำลูกกา คลอง 7 จ.ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 11 พ.ย. เวลาประมาณ 10.05 น. ได้มีคนร้าย แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ออกกลอุบายทำทีพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาดีชาวเมียนมา ไปตรวจสอบเอกสารประจำตัวที่สถานีตำรวจ โดยนำตัวสาวชาวเมียนมาขึ้นรถจักรยานยนต์ไป จากบริเวณปากซอยลาดพร้าว 48 จากนั้นพาผู้เสียหายไปที่ห้องเช่ารายวัน ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นทำการข่มขืนกระทำชำเรา หลังเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร เพื่อแจ้งความดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว จนกระทั่งสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี

รองผบช.น. กล่าวต่อว่า ส่วนคดีลักทรัพย์ พฤติการณ์คนร้ายจะเลือกเหยื่อเป็นผู้สูงอายุ มีร้านค้า อยู่บ้านคนเดียว แล้วออกอุบายตะโกนว่ามีไฟไหม้ เมื่อเจ้าของร้านตกใจวิ่งไปดู คนร้ายอาศัยช่วงชุลมุนถือโอกาสขโมยเงิน โทรศัพท์มือถือ และของมีค่าอื่นๆ ไปจำนวนมาก โดยได้เงินแต่ละครั้งสูงสุดนับแสนบาท นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบว่า เคยถูกจับกุมดำเนินคดีลักทรัพย์ กว่า 8 หมาย ระหว่างปี 2530-2559 ก่อเหตุในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เคยติดคุก4 มาแล้วครั้ง

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวทั้งหมดจริง ทำเพียงคนเดียว ส่วนเงินที่ขโมยมานั้นอ้างว่าไปให้ลูกและภรรยา เนื่องจากผู้ต้องหามีภรรยาหลายคน เพราะมีค่าใช้จ่ายเยอะ