เสียงสะอื้นบนผืนแผ่นดิน

เสียงสะอื้นบนผืนแผ่นดิน

กวีทรรศน์ คัดสรรโดย "เสรี ทัศนศิลป์"..."เสียงสะอื้นบนผืนแผ่นดิน" ของ "ธนวัฏ ปรีชาจารย์"

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย เป็นโรคร้ายเรื้อรังที่ซึมลึกในผืนแผ่นดินที่ไม่มีวันรักษาให้หายขาดได้  ตราบใดที่ทุนและอำนาจรัฐยังเดินคู่ขนานเกื้อกูลประโยชน์กันเป็นด้านหลัก ประชาชนคนยากไร้ส่วนใหญ่ของประเทศ ก็ยังคงเป็นเพียงตัวละครคนป่วยของยุคสมัยต่อๆไปไม่มีที่สิ้นสุด

คอลัมน์กวีทรรศน์ฉบับนี้พบกับกวีหนุ่ม ‘ธนวัฏ ปรีชาจารย์’ มาบอกเล่าถึงพลังบริสุทธิ์อันเป็นต้นธารชีวิตทางธรรมชาติ ถูกคุกคามจากจากอำนาจเร้นลับเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากน้ำตาความเจ็บป่วยของผู้อ่อนแอทางสังคมในบทกวีชื่อ ‘เสียงสะอื้นบนผืนแผ่นดิน’  สำหรับ นามธนวัฏ  ปรีชาจารย์ ถือเป็นกวีรุ่นใหม่มีผลงานต่อเนื่องมานาน เนื้อหาบทกวีมีความเข้มข้นในมุมคิด ใช้คำประพันธ์ได้หนักแน่นแม่นยำและจังหวะเสียงในบทกวีมีความไพเราะ ชั้นเชิงกวีของเขามีความน่าสนใจไม่น้อย
                                                                                เสรี ทัศนศิลป์

                                เสียงสะอื้นบนผืนแผ่นดิน

 

             หมื่นใบไม้คลุมปกดินรกร้าง           แลสล้างยางยูงต้นสูงใหญ่

เมล็ดพันธุ์ยืนยงเป็นพงไพร                         สืบวงปีต้นไม้...หลายชั่วคน

เราเข้ามาก่อสร้างบ้านหลังน้อย                   พืชบนดอยผลิดอกและออกผล

จากเลือดเนื้อเหงื่องานบันดาลดล                รินหยาดฝนจากฟ้าคอยปรานี

คนกับป่าปรองดองล้วนข้องเกี่ยว                 เป็นหนึ่งเดียวกลมกลืนในพื้นที่

ผ่านวันเดือนเคลื่อนคล้อยเป็นร้อยปี             สืบวิถีพื้นเมืองเบื้องโบราณ

ดนตรีป่าขับกล่อมกระท่อมไม้ไผ่                  เสียงนกในความหวังยังแว่วหวาน

คนเก็บผัก หาฟืน ยิ้มชื่นบาน                       บ้างกรำงานปลูกข้าวทั้งเช้าเย็น

ยามร้อน แอบซ่อนกายใต้เงาร่ม                   ยามหนาวลม ผิงไฟคลายทุกข์เข็ญ

ฟังนิทานแช่มชื่นในคืนเพ็ญ                        เริงเล่นกลางแดดทองของรุ่งอรุณ

คือวิถีวัยเยาว์ตราบเฒ่าชรา                         ดิน น้ำ ฟ้า ป่า สวน ล้วนเกื้อหนุน

มีคำข้าว เม็ดเกลือ คอยเจือจุน                    รักอบอุ่นของคนดอยคอยปลอบโยน

          แต่เสื้อผ้า หมอนมุ้ง ทั้งยุ้งฉาง          ทุกที่ทางเรือนเหย้า เขารื้อโค่น

ใจแผ่นดินมอดไหม้ด้วยไฟโชน                    กู่ตะโกนวิงวอนจนอ่อนล้า

ดูสิดู! มือใดยื่นไฟสุม                                มือใดกุมอำนาจประกาศกล้า

ดูสิดู! หัวใจใดไร้เมตตา                             ป้ายบาปหนาตราในหัวใจมนุษย์

มือที่เคยกำหนดเขียนกฎหมาย                    คือมือที่ชี้ตายในที่สุด

มือเราไร้อำนาจศาสตราวุธ                          เขายื้อยุดเร่งเร้าเข้าครอบครอง

จำพรากลำธาร วิมานใบไม้                         เสียงนกไพรหยุดขานกังวานก้อง

หมดสิ้นแล้วเรียวรุ้งทุ่งสีทอง                       เราหม่นหมองจากลาโศกาดูร

ชนเผ่าใต้เงารัฐจึงพลัดถิ่น                          ผืนแผ่นดินปางบรรพ์พลันสิ้นสูญ

ทุกข์บนบ่า แบกข้ามปี ทวีคูณ                     ใครเกื้อกูล ซับน้ำตาที่พร่าพราย

         ผองเผ่าพันธุ์เคว้งคว้างเลือนร้างทิศ    ป่าศักดิ์สิทธิ์ - หมู่บ้าน ถึงกาลสลาย

ก่อนชีวิตเปลี่ยนผันถึงวันสุดท้าย                 ขอนอนตายในบ้านเก่าที่เรารัก!

                                   ธนวัฏ  ปรีชาจารย์

                        ศิลปินภาพถ่ายโดย : อรปวีณ์ วงศ์วชิรา