Daily Strategy (17 พ.ย.60)

Daily Strategy (17 พ.ย.60)

คาดการณ์ตลาดกลับมาบวกต่อ

จากการที่ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีทรัมป์ถูกโหวตผ่านสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แต่ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ก็ยังคงอ่อนค่าต่อ ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทิศทางของตลาดหุ้นไทยน่าจะขึ้นต่อทดสอบ 1,700 จุด ซึ่งหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของทรัมป์ จากการมีฐานการธุรกิจในต่างประเทศ ที่โดดเด่นที่สุด คือ IVL ตามมาด้วย EPG และ TU ส่วน CPF มีฐานธุรกิจในสหรัฐฯ แต่ยังไม่ถึงขั้นทำกำไรได้ นอกจากนี้ TOP รับผลดีจากราคาน้ำมันอ่อนลง และบาทแข็ง มองว่าค่าการกลั่น มีแนวโน้มคง GRM ได้สูง 7-8 เหรียญฯ ได้ในช่วงไตรมาส 4/60COM7 และ SYNEX ลักษณะธุรกิจเป็นการนำเข้า ได้ประโยชน์จากค่าบาทแข็ง และการเร่งใช้จ่าย ตามโครงการช็อปช่วยชาติ และเทศกาลปีใหม่

ปัจจัยในประเทศ:

  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปรับคาดการณ์ธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 60 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 66,000 – 70,000 ราย (+5.8-6% YoY) เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 66,000 ราย หนุนโดยเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง การเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ และการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว (ประชาชาติธุรกิจ)
  • EPG (ปิด 11.00 บาท; ซื้อ; IAA Consensus 12.50 บาท) ผลประกอบการ 2Q60/61 มีกำไรสุทธิเพียง 291 ล้านบาท (-27%YoY แต่บวก 2%QoQ) โดยรายได้ของAeroflex เติบโตตามคาดที่ 10%YoYธุรกิจAeroklas เติบโต 0.8% YoY แต่ตัวถ่วงสุดคือธุรกิจ Packaging ซึ่งรายได้ลดลง 10%YoY สาเหตุจากการแข่งขันในตลาดสูง และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ Packaging ลดลงถ่วงผลประกอบการ แต่ก็เชื่อว่าเป็นไตรมาสที่กำไรน่าจะต่ำสุดแล้ว มีโอกาสที่ช่วงครึ่งปีหลังกำไรจะยกฐานสู่ระดับ 300 ล้านบาทขึ้นไปได้ และเพิ่มเป็น 400 ล้านบาทช่วงปี FY2561 (สิ้นสุด มี.ค.62) เรามองโอกาสที่ราคาหุ้น EPGBottom Out และค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยธุรกิจส่วนของ AeroflexและAeroklas คาดว่าได้ผลบวกจากการปฎิรูปภาษีของทรัมป์ด้วย เนื่องจากมีฐานการผลิตบางส่วนอยู่ในสหรัฐฯ
  • GUNKUL (Close Bt14; BUY; AWS TP Bt5.50) ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 20% เตรียมเงิน 6,000 ล้าน ลงทุนพลังงานลมในไทย-โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2561 เติบโต 20% จากปีนี้ที่คาดว่ามีรายได้อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2561 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมจากโครงการพลังงานลมในประเทศ 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 110 MWและจากกำลังการผลิตในประเทศญี่ปุ่น 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 78.4 MW ทำให้บริษัทจะมีกำลังการผลิตที่จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) อยู่ที่ราว 300 MWจากปัจจุบัน 180 MW (ที่มา: โพสต์ทูเดย์) ความเห็น:รายได้และกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าของ GUNKUL ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามกำลังผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น คาดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนกับธุรกิจอื่นของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ประมาณ 40% เป็น 70% ในปี 2565 ช่วยให้รายได้และกำไรของบริษัทผันผวนน้อยลง แนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 5.50 บาทต่อหุ้น
  • PTT จ่อรับกำไร บิ๊กล็อต SPRC PTT ขาย บิ๊กล็อต หุ้น SPRC  234.56 ล้านหุ้น 415 มูลค่า 3.7 พันล้านบาท ขายราคาต่ำกระดาน โบรกคาดรับกำไร 2 พันล้านบาท ด้าน PTT แจงลดครหาผูกขาดธุรกิจน้ำมัน (ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ)

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี เตรียมส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีมีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 6% (ที่มา: Infoquest) ความเห็น:หากกฎหมายปฏิรูปภาษีดังกล่าวผ่านการพิจาณาของวุฒิสภาจะเป็นบวกต่อ IVL, TU, EPG ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภาเองเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเนื้อหาหลักในร่างกฎหมายมีความแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนต่อกฎหมายปฏิรูปภาษี สังเกตได้จากตลาดการเงินโลกที่ยังไม่ตอบสนองต่อข่าวนี้ โดยค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ และราคาทองคำเมื่อคืนนี้ที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ทองคำ:สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • น้ำมัน:สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) โดยตลาดยังคงได้รับปัจจัยกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์