วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (16 พ.ย.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (16 พ.ย.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับลงต่อหลัง EIA ประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐปรับเพิ่ม

- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 10 พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้นราว 1.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสองสัปดาห์ติดต่อกัน เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526

- ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันต่อเนื่องหลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันลงราว 100,000 บาร์เรลต่อวันลงไปอยู่ที่ 1.5 และ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ หลังสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นส่งผลให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงเพื่อทำความร้อนเบาบางลง

+ IEA รายงานกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศโอเปค (OPEC) ในเดือน ต.ค. ปรับลดลง 830,000 บาร์เรลต่อวันเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า โดยความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC รัสเซียและประเทศนอกกลุ่มโอเปค (Non-OPEC) อีก 9 ประเทศในเดือน ต.ค. มีมากถึงร้อยละ 96 ของปริมาณการปรับลดทั้งหมดที่ 1.8 ล้านบาร์เรล

+/- ตลาดยังคงจับตามองผลการประชุมระหว่าง OPEC และ Non-OPEC ในวันที่ 30 พ.ย. ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เกี่ยวกับการหาข้อสรุปในการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้ถึงสิ้นปี 2561

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ตามราคาขายปลีกของน้ำมันเบนซินในสหรัฐ หลัง IEA ปรับลดคาดการณ์ความต้อการใช้น้ำมันเบนซินในปีหน้า อย่างไรก็ตามตลาดน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ดีในเอเชียใต้และตะวันออกกลาง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในเอเชียเบาบางต่อเนื่องและอุปทานยังคงล้นตลาด ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดีเซลต้องส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังภูมิภาคอื่น

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 53 - 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60 - 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • การขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคมีความเป็นไปได้มากขึ้น หลังยังไม่มีประเทศใดคัดค้านข้อตกลงนี้ นอกจากนี้เลขาธิการกลุ่มโอเปค เผยว่า โอเปคกำลังหาทางบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้ได้ก่อนการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว
  • ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านซึ่งเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังรัฐบาลซาอุดิอาระเบียกล่าวหาอิหร่านว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การโจมตีด้วยขีปนาวุธไปยังสนามบินนานาชาติคิงคาลิดทางเหนือของกรุงริยาด ซึ่งกระทำโดยกลุ่มกบฎฮูธีในเยเมน รวมถึงเหตุการณ์ในเลบานอนที่มีการเพิกเฉยในการกวาดล้างกลุ่มฮิสบอลลาห์ (Hezbollah) ซึ่งหนุนโดยอิหร่าน ประกอบกับ นายกรัฐมนตรีเลบานอนของนายซาอัด ฮาริรี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับซาอุดิอาระเบียประกาศลาออกจากตำแหน่ง
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้นราว 67,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 9.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน

--------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999