วัดโสธรไร้คนโบกรถขายมาลัย หลังทหารคุมเข้ม

วัดโสธรไร้คนโบกรถขายมาลัย หลังทหารคุมเข้ม

บรรยากาศบริเวณวัดโสธรวรารามวรวิหาร เงียบเหงาไร้คนโบกเรียกรถขายมาลัย หลังหนุ่มชาวสระแก้ว บุกโรงพักเข้าแจ้งความเอาผิดคนกรีดยางล้อรถยนต์ ทำทหารลงพื้นที่คุมเข้ม (มีคลิป)

เมื่อวันที่ 15 พ.ย.60 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ในวันนี้ว่า บรรยากาศของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มักชอบแอบลักลอบโบกเรียกรถโขกราคาขายพวงมาลัยไหว้พระ และเครื่องไหว้บูชาพระภายในบริเวณโดยรอบวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ในวันนี้ เป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังจากมีหนุ่มวัย 28 ชาว จ.สระแก้ว เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ว่าถูกกรีดยางล้อรถยนต์ภายในบริเวณลานจอดรถหน้าวัดเมื่อช่วงสายของวันนี้

โดยที่บริเวณด้านหน้าอาคารจอดรถ 5 ชั้นจุดเกิดเหตุ ที่เคยมีการแอบลักลอบโบกเรียกรถเพื่อขายพวงมาลัยนั้น กลับไม่มีบุคคลตามกล่าวอ้างของผู้ที่มาร้องทุกข์ ออกมาโบกเรียกรถแต่อย่างใด รวมทั้งยังไม่ปรากฏว่ามีการนำพวงมาลัยพร้อมเครื่องไหว้บูชาพระ มาแขวนขายกันตามปกติอีกด้วย โดยมีเพียงร้านจำหน่ายของฝาก เช่น ขนมจาก และของกินทั่วไปเท่านั้น

ขณะที่ภายในพระอุโบสถทั้งสองแห่ง ทั้งพระอุโบสถหลังใหญ่ และพระอุโบสถชั่วคราวนั้น ก็ยังคงมีเครื่องบูชาพระวางไว้ให้สำหรับคนที่จะมาทำบุญในราคาชุดละ 20 บาทเท่านั้น โดยเป็นการตั้งตู่รับบริจาคไว้ให้คนที่มาทำบุญใส่เงินค่าดอกไม้ธูปเทียนลงไปยังภายในตู้เองไม่ได้มีการบังคับขาย ส่วนบรรยากาศการเดินทางมาทำบุญของประชาชนทั่วไปนั้น ยังคงมีการเดินทางเข้ามากราบไหว้ขอพรพระจากหลวงพ่อโสธร อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันตามปกติ โดยมีจำนวนไม่หนาตามากนัก เนื่องจากเป็นวันทำงานปกติที่ไม่ใช่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า หลังจาก นายอรรถวัฒน์ ตังคะประเสริฐ อายุ 28 ปี พร้อมด้วยผู้เป็นมารดา ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุพรรณ์ พลภักดิ์ รอง ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมด้วย ร.ต.อ.พุทธิพงษ์ ชื่นชม รองสารวัตรสอบสวนเวร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน พร้อมด้วยกำลังทหารชุดประสานงานและควบคุมพื้นที่ เขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ได้รีบพากันเดินทางออกไปจากโรงพัก สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กลับไปในทันทีโดยที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรเพิ่มเติมต่อผู้สื่อข่าวที่ยังคงมาเฝ้ารอกันอยู่หลายสำนัก หลังจากที่ทางฝ่ายของมารดาผู้เสียหายนั้น ยังคงเกิดความไม่สบายใจ และกังวลใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุตรชายของตน