รวบโจ๋สุดแสบ ใช้แบงก์กาโม่จ่ายค่าโดยสารแท็กซี่

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 14 พ.ย. พ.ต.อ.เอกรัตน์ เปาอินทร์ ผกก.สน.บางขุนนนท์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.บุญสืบ นพรัตน์ รอง ผกก.สส.สน.บางขุนนนท์ และ พ.ต.ต.อุบล ปรึกษา สว.สส.สน.บางขุนนนท์ ร่วมกันจับกุม นายไพสิฐ หรือแบงก์ บุญกอบเกื้อ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/49 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 25 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม.ตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชันที่ จ.450/2560 ลงวันที่ 13 พ.ย.60 ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ พร้อมของกลางเอกสารสำคัญ อาทิ สมุดทะเบียนบ้าน และใบอนุญาตขับขี่ ของ นายวิเชียร สุขไสยาสน์ อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าเปี่ยมสุขอพาร์ตเม้นต์ กลางซอยจรัญสนิทวงศ์ 25 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม.

พ.ต.ต.อุบล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา นายวิเชียร สุขไสยาสน์ อายุ 54 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ ได้ขับรถไปรับคนร้ายในคราบผู้โดยสารชายวัยรุ่นอายุประมาณ 18-20 ปี จากถนนท่าเกษตร ย่านเพชรเกษม-บางแค มาส่งที่กลางซอยจรัญสนิทวงศ์ 23/1 ซึ่งเมื่อมาถึงจุดหมายค่าโดยสารระบุที่มิเตอร์ จำนวน 95 บาท แต่คนร้ายที่นั่งอยู่เบาะหลังอ้างว่ามีแบงก์พันให้ทอนมาแค่ 900 บาทก็พอ นายวิเชียร จึงควักเงินสดเป็นเงินทอนยื่นให้ไป จำนวน 900 บาท จากนั้นคนร้ายก็อาศัยจังหวะที่ นายวิเชียร เผลอคว้าเอากระเป๋าสะพายของ นายวิเชียร ภายในมีเงินสด 2,400 บาท เอกสารสำคัญ และพระเครื่องที่วางอยู่ตรงช่องว่างข้างคนขับวิ่งหนีลงจากรถไปกับความมืด และเมื่อ นายวิเชียร นำเงินที่คนร้ายยื่นให้มาดูปรากฏเป็นแบงก์กาโม่ จึงรีบเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้อย่างถึงที่สุด

พ.ต.ต.อุบล กล่าวอีกว่า เมื่อฝ่ายสืบสวนรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่า กล้องวงจรปิดในละแวกดังกล่าวจับภาพคนร้ายได้ไม่ค่อยชัดเจนเนื่องจากเป็นเวลาค่ำ แต่โชคดีที่ต่อมามีพลเมืองดีชี้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับตัวผู้ต้องสงสัยสุดแสบรายนี้ ว่าน่าจะเป็น นายไพสิฐ ซึ่งมีบ้านพักอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 25 ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ฝ่ายสืบสวนจึงเฝ้าสังเกตพฤติกรรม พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานทำการขออำนาจศาลออกหมายจับ แล้วติดตามไปจับกุมตัวเอาไว้ได้ที่บริเวณกลางซอยจรัญสนิทวงศ์ 25 เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ก่อนนำตัวไปขยายผลตรวจค้นที่บ้านพักพบว่ามีสมุดทะเบียนบ้าน กับใบอนุญาตขับขี่ของผู้เสียหาย และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุซุกซ่อนอยู่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย

จากการสอบสวน นายไพสิฐ ยอมรับว่า ปัจจุบันไม่ได้เรียนหนังสือและไม่ได้ทำงานอะไร วันเกิดเหตุเดินทางไปหาเพื่อนย่านเพชรเกษม อยากกลับบ้านแต่ไม่มีเงินค่ารถ จึงวางแผนโบกรถแท็กซี่ของ นายวิเชียร ผู้เสียหาย ให้มาส่งตรงมุมมืดในซอยใกล้ๆ บ้าน แล้วใช้แบงก์กาโม่จ่ายเป็นค่าโดยสาร เพื่อหลอกเอาเงินทอน ส่วนกระเป๋าสะพายนั้นเป็นของที่หยิบติดมือลงจากรถได้เป็นของแถม สำหรับเงินสดที่วิ่งราวทรัพย์ นายวิเชียร ได้ทั้งสิ้นจำนวน 3,300 บาท นั้นตนนำไปใช้จ่ายจนหมดแล้ว เหลือไว้แค่สมุดทะเบียนบ้าน และใบอนุญาตขับขี่ ของนายวิเชียร ซุกซ่อนเอาไว้ในบ้าน กระทั่งตำรวจติดตามไปจับกุมในที่สุด.