หนี้นอกระบบพุ่ง! ฟ้องบังคับคดี1,200ราย จ่อฟันภาษี8กลุ่มทุน

หนี้นอกระบบพุ่ง! ฟ้องบังคับคดี1,200ราย จ่อฟันภาษี8กลุ่มทุน

"ดีเอสไอ" จ่อใช้มาตรการภาษีฟันกลุ่มทุนนอกระบบ 7-8 กลุ่ม หลังหนี้นอกระบบเกษตรกรพุ่ง ตกเป็นเหยื่อถูกฟ้องบังคับคดี 1,200 ราย

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) – 14 พ.ย.60. ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 21 หน่วย ประชุมหารือมาตรการและแนวทางการให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบถูกฟ้องขับไล่สูญเสียที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยจากการทำสัญญาขายฝาก จำนอง เช่าซื้อ และกู้ยืมเงิน ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า กลุ่มลูกหนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรได้ร้องขอความเป็นธรรมมายังศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ เนื่องจากได้ทำสัญญากู้ยืมเงิน ขายฝากและจำนอง กับกลุ่มนายทุนในพื้นที่ ซึ่งมีพฤติการณ์ทำสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบ และข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ลูกหนี้หลายรายที่ถูกยึดที่ดินแต่ยังไม่ยอมย้ายออกจากที่ดินก็จะถูกกลุ่มนายทุนฟ้องร้องขับไล่ มีการข่มขู่ คุกคามโดยชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นลูกน้องกระทำการอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ปัจจุบันมีลูกหนี้ซึ่งเป็นเกษตรกรจาก 3 จังหวัด คือ ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ที่ได้รับความเดือดร้อน และถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกว่า 1,200 คดี ทุนทรัพย์ในการฟ้องร้องคดีกว่า 278 ล้านบาท ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าตั้งแต่ปี 2556 – 2560 คดีความที่ฟ้องร้องมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเดือน มค. 2560 มีคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลถึง 75 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีฟ้องขับไล่ ซึ่งมีมูลหนี้จากสัญญาขายฝาก และลูกหนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีเงินเพียงพอในการซื้อทรัพย์คืนจากเจ้าหนี้ ทำให้ต้องสูญเสียที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย

"สาเหตุหนึ่งที่ลูกหนี้ส่วนใหญ่ประสบปัญหาดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ขาดความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายและการทำสัญญา ขาดการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิต เมื่อถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องดำเนินคดี จึงไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว จนเป็นเหตุให้ถูกบังคับคดีและยึดที่ดินทำกิน สร้างความเสียหายในวงกว้าง จึงต้องหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน "อธิบดีดีเอสไอ กล่าว

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มเจ้าหนี้ที่ไม่ยอมเข้ากระสู่กระบวนเจรจาไกล่เกลี่ย หรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้เป็นธรรมกับกลุ่มลูกหนี้ ดีเอสไอจะใช้มาตรการทางภาษีเข้าไปดำเนินการ และจะประสานให้กรมสรรพากรประเมินรายได้แหล่งที่มาของเงินรายได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับที่เคยใช้จัดการกับนายทุนเงินกู้นอกระบบในจังหวัดชัยภูมิมาแล้ว ซึ่งถูกประเมินภาษีย้อนหลังจากการยึดที่ดินของลูกหนี้ไปกว่า 200 ล้านบาท

ขณะที่นายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษา คสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยหนี้เกษตรกรทั้ง 1,200 รายกับเจ้าหนี้ 7-8 กลุ่ม และขอโอนย้ายหนี้นอกระบบมาอยู่ในระบบ ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) เป็นผู้แก้ปัญหาในการโอนหนี้ต่อไป ยืนยันว่ารัฐบาลมีแหล่งเงินเพียงพอในการช่วยเหลือ แต่ที่ผ่านมาอาจมีข่องว่างทำให้เกษตรกรเข้าไม่ถึงแหล่งทุนของรัฐ หรือเป็นการกู้ไปใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ใช่การกู้ไปสร้างอาชีพหรือเพิ่มรายได้ โดยการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรจะต้องเข้าสู่เงื่อนไขของการฟื้นฟู คือ อาจต้องเข้าโครงการต่างๆของรัฐเพื่อเพิ่มรายได้เพราะรัฐบาลตระหนักดีว่าการนำเงินไปให้ประชาชนเฉยๆไม่ใช่การแก้ปัญหา วิธีการที่ถูกต้องเกษตรกรต้องมีวินัยทางการเงินรู้จักบริหารจัดการหนี้

"เกษตรกรเข้าใจผิดว่าการขายฝากไม่ใช่การขาย แต่ในทางกฎหมายการขายฝากที่ดินจะตกเป็นของผู้ซื้อไปแล้วเพียงแต่ยังให้สิทธิลูกหนี้ซื้อที่ดินคืนเมื่อชำระเงินที่กู้ยืมไปครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ความไม่เข้าใจของกฎหมายยังทำให้ลูกหนี้ไม่ผ่อนชำระหนี้ตามกำหนด ปล่อยจนพ้นกำหนดตามสัญญาแล้วค่อยนำเงินไปไถ่ถอนซึ่งทำไม่ได้แล้ว นอกจากนี้พบว่า มีอีกหลายรายที่ยอมเซ็นกู้เงินโดยไม่กรอกตัวเลขในสัญญา จึงทำให้เป็นหนี้ดอกทบต้น วิธีการที่รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือด้วยการโอนย้ายหนี้เป็นวิธีการที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ทั่วไปที่ทำกัน โดยจะเข้าไปเจรจาขอซื้อที่ดินแล้วให้เกษตรกรมาชำระหนี้ในระบบเพื่อให้มีที่ดินทำกินต่อไป ทั้งนี้ตั้งเป้าจะทำให้ปัญหาดังกล่าวคลี่คลายภายใน 3 เดือน"นายอำนวย กล่าว

ด้านนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเกษตรกรที่ถูกนายทุนเงินกู้ฟ้องบังคับคดียึดที่ดินจนไม่มีที่ดินทำกิน ก็จะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อจัดสรรที่ดินให้ใช้ทำกิน โดยลูกหนี้กลุ่มนี้มีคุณสมบัติที่จะได้รับการจัดสรร นอกจากนี้จะเร่งดึงหนี้นอกระบบให้ให้เข้ามาเป็นหนี้ในระบบ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้ง่ายกว่าการเป็นหนี้นอกระบบ ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนดีเอสไอและสำนักงานอัยการสูงสุดจะรับไปดำเนินการกับนายทุนเงินกู้ที่เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา

ทางด้านพ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ. ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ในฐานะเลขานุการศูนย์ลูกหนี้ฯ กล่าวว่า ดีเอสไอจะต้องเข้าไปตรวจสอบลูกหนี้เป็นรายๆไป โดยจะให้ความสำคัญกับมูลหนี้ที่แท้จริง เพราะในการทำสัญญาลูกหนี้จะนำโฉนดที่ดินไปวางจำนองและเซ็นสัญญาขายฝากในระยะเวลาสั้นๆ บางรายเซ็นสัญญาไปโดยไม่กรอกตัวเลขแล้วรับเงินกู้ในวงเงินที่ตกลงไว้กับนายหน้า เมื่อถูกเรียกเก็บหนี้มูลค่าสูงเกินว่าวงเงืนที่กู้ยืมจริง จึงไม่มีเงินเพียงพอไถ่ถอนที่ดินทำกิน โดยในจำนวนลูกหนี้ 1,200 ราย พบลูกหนี้ในจ.ขอนแก่นมากที่สุด รองลงมาคือมหาสารคาม และกาฬสินธุ์