MORNING CALL ACTION NOTES (14 พ.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (14 พ.ย.60)

เลือกเล่นรายตัว

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อน แกว่งตัวแดนลบจากกลุ่ม ENERG หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลง กอปรกับแรงขายหุ้นรายตัวที่มีการรายงานผลกำไรงวด 3Q60 ไปแล้ว ส่วน Fund Flow ยังเป็นขายสุทธิวันที่ 4 โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,687.05 จุด (-2.23 จุด) Volume 5.26 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,695.18 ลบ.  TFEX Net +219 สัญญา ตราสารหนี้ +3,340

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ

+น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกปรับตัวลดลงในเดือนต.ค. สอดคล้องกับ UAE ที่คาดว่าโอเปก,ประเทศนอกโอเปกจะบรรลุข้อตกลงขยายเวลาลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.

-แบงก์ชาติจีนเผยยอดปล่อยสินเชื่อใหม่สกุลเงินหยวนพุ่งแตะ 6.63 แสนล้านหยวนในเดือนต.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 7.81 แสนล้านหยวน

+/- Fund Flow ยังผันผวนต่างชาติขายติดต่อกันเป็นวันที่ 4 รวม 6.1 พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 33.05 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือน ก.ย. ราว  1.06 แสนสัญญา)

**จับตาความคืบหน้าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังมีข่าวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562

**14 พ.ย. จับตาการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางทั่วโลก

** MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้น SCB PTTGC โดยปรับ BEC ออก

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น แม้จะมีความกังวลเรื่องความล่าช้าในการปฎิรูปภาษีของสหรัฐ โดยมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนทีออกมาแผ่วลงและ fund flow ต่างชาติผันผวน คาดวันนี้ SET จะเคลื่อนไหวที่ 1,680-1,696 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- MSCI Thailand เพิ่มน้ำหนักหุ้น SCB PTTGC  

- MSCI Global Small Cap เพิ่มหุ้น BEC GGC ORI VNT WHAUP

- MSCI Global Small Cap ลดหุ้น AIRA GPSC NYT SCN STPI THRE

- หุ้นที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ANAN COMAN XO MALEE TPCH TWPC MAJOR

- ประเด็นบวกกลุ่มโรงไฟฟ้า กกพ.คาดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะ 78 MWในสัปดาห์หน้า เปิดรับซื้อ VSPP Semi-firm 269 MW ต้นปี 61

- กลุ่มรับเหมาฯ การจัดตั้งไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ และการร่วมทุน PPP

- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/2560 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ ASIMAR SPALI

หุ้นแนะนำพิเศษ

SCB (ราคาปิด 150.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus เฉลี่ย 162.54)

  • มีประเด็นบวกจาก MCSI Thailand ได้เพิ่มสัดส่วนในการคำนวณจาก 81% เป็น 7.11%
  • 9M60 มีกำไรสุทธิ 33,953 ลบ.ลดลง 2.7%YoY จากการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติมใน 3Q60 สินเชื่อ เติบโต 2.8%YTD Bloomberg คาดกำไรปี 60 ราว 4.67 หมื่นลบ. ลดลง 2%
  • ความเห็น ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวของ SCB ยังดีจากการเป็นแบงก์ใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  และข่าวการปรับโครงสร้างของลูกหนี้รายใหญ่ทำให้ความกังวลต่อการเป็น NPL ผ่อนคลายลงและส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้น แนะนำ ซื้อ

หุ้นมีข่าว   

Analyst Meeting : PLAT (ราคาปิด 8.85 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 8.33 บาท)

·        3Q60 มีกำไร 198 ลบ. +11%yoy +7%qoq 9M60 มีกำไร 569 ลบ. +8.8%yoy  net margin ทรงตัว yoy ในระดับสูงที่ระดับ 38% ขณะที่รายได้รวม(ค่าเช่า+ธุรกิจโรงแรม+อาหารและเครื่องดืม) เท่ากับ 569 ลบ. +8.8% สำหรับ 4Q60 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นทำให้ OR ของตลาดนีออนปรับดีขึ้นจาก 57% ใน 3Q60 ที่เป็นโลว์ซีซั่น  ต้น Q4 ปรับดีขึ้นเป็น 93%  และรายได้ค่าเช่าปรับดีขึ้นจากการปรับปรุงพื้นที่ ภาพรวมทั้งปี 60 น่าจะเป็นไปตามแผนและมีโอกาสที่กำไรจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

·        ปี 61 รายได้มีแนวโน้มเติบโต 5-6% จากปี 60 แต่คาดว่าจะมีคชจ.เพิ่มขึ้น 15-20% จากคชจ.ก่อนการดำเนินงานเปิดศูนย์การค้า “The Market” เพื่อเตรียมเปิดบริการในปี 62

·        ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อรายได้และกำไรที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง  แต่ราคาปัจจุบันเพิ่มขึ้นกว่า 26% จาก 2 เดือนก่อนหน้า PER 33 เท่าสูงกว่ากลุ่มที่ระดับ 19 เท่า แนะนำ “ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว”

·        PTT รายงานกำไร 3Q60 ที่ 2.23 หมื่นล้านบาท -29%QoQ และ -17%YoY จากค่าใช้จ่ายด้อยค่าของ PTTEP และการหยุดซ่อมบำรุงของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตามกลุ่มโรงกลั่นผลประกอบการปรับตัวขึ้นตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและผลบวกจากกำไรสต๊อกน้ำมันดิบ

·        BCP รายงานกำไร 3Q60 ที่ 1.3 พันล้านบาท +33%QoQ และ +12%YoY โดยผลประกอบการโรงกลั่นปรับตัวขึ้นตามค่าการกลั่นและกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ ขณะที่ผลประกอบการธุรกิจสถานีจำหน่ายน้ำมันปรับตัวลงตามค่าการตลาดและอยู่ในฤดูฝนทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันลดลง ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าผลประกอบการปรับตัวขึ้นจากการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าใต้ภิภพที่อินโดนีเซีย

·        HARN (ราคาปิด 3.54 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 4.20 บาท) โชว์งบ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 965 ล้านบาท ส่วนกำไรโต 3 เท่าแตะที่ 91 ล้านบาท ฟากผู้บริหารการันตีรายได้มาตามนัด 1.32 พันล้านบาท ลุ้นวิ่งทะลุเป้า ส่วนปี 61 คาดผลงานติดเครื่องวิ่งต่อ (ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)

·        ความเห็น เมื่อเปรียบเทียบ Dilution Effect กว่า 40% จากการเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ HARN (จาก 350 ล้านหุ้น เป็น 584.5 ล้านหุ้น) เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนสำหรับการควบรวม CM ปัจจุบันผลประกอบการงวด 9M60 ภายหลังการควบรวมคิดเป็น EPS กว่า 0.16 บาทต่อหุ้น ได้ก้าวข้าม EPS ของปี 59 อิงจำนวนหุ้นก่อนการควบรวมที่ 0.12 บาทต่อหุ้นไปแล้ว สะท้อนการเพิ่มไลน์สินค้า / สินค้าดังกล่าวมีอัตรากำไรสูงกว่าสินค้าเดิม / และประโยชน์จาก Economies of scale ในด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่มีประสิทธิภาพสูง ประสบความสำเร็จอย่างมาก และแม้ช่วงเวลาแห่ง Inorganic Growth จะผ่านพ้นไปแล้วในปี 60 ก้าวสู่การเติบโตในระบดับปกติปี 61 ที่ฝ่ายวิจัยคาดราว 10 - 11%YoY ตัว HARN ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ไม่ว่าตะเป็นความพยายามในการรุกตลาด CLMV ที่กำลังมีการเติบโตในด้านอุตสาหกรรม และแผนการก่อสร้างโกดังสินค้าทดแทนของเดิมที่มาจากการเช่า ด้วยสถานะการเงินดีเยี่ยมปราศจากหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (D/E = 0.22 เท่า) จึงยืนยัน "ซื้อ" Upside 18.6% และ Div. Yield 5.1%