Daily Strategy (13 พ.ย.60)

Daily Strategy (13 พ.ย.60)

ย่อตัวต่อเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม

ตลาดหุ้นเผชิญแรงขายทำกำไร ไม่เพียงตลาดหุ้นไทยแต่เป็นทิศทางที่อ่อนแอของตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของ ตลาดหุ้นไทยเมื่อพิจารณาจากกำไรสุทธิไตรมาส 3/60 ที่เห็นมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อ ได้แก่ IVL, BANPU, BEM, BEAUTY, COM7 ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์คาดผลประกอบการเด่นสุดในไตรมาส 4/60 เน้น SIRI, ANAN, AP มองทิศทางราคาน้ำมันทรงตัว ไม่ลงและไม่ขึ้นมากนัก เป็นประโยชน์กับกลุ่มปิโตรเคมี เราเน้น IVL, IRPC สำหรับรอบนี้

หุ้นเด่นวันนี้: IVL (ราคาปิด49.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าของ AWS 63.00 บาท)

  • IVL มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 12 ล้านตัน/ปี จากสิ้นปีนี้ 10.6 ล้านตัน/ปี จาก 1H60 ที่ 9.1 ล้านตัน/ปี โดยจะมาจากการขยายกำลังการผลิตในโรงงานเดิมที่ประเทศจีน อินโดนีเซีย เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา ล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท Artlant PTA, S.A. (Artlant) ในโปรตุเกส นอกจากนี้บริษัทเตรียมที่จะสรุปการเข้าซื้อกิจการอีก 1 แห่งภายในช่วงไตรมาส 4/60 นี้ รวมถึงยังอยู่ระหว่างศึกษาการซื้อกิจการอื่นเพิ่มเติม
  • ด้านความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ PET ในสหรัฐฯ และยุโรป ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำลังการผลิตตลาดโลกลดลง หลังผู้ประกอบการรายใหญ่ปิดกิจการลง หลังมีปัญหาทางด้านการเงินส่งผลให้สเปรดราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น บริษัทยืนยันว่าไม่มีแผนการเพิ่มทุนภายในระยะเวลา 3 ปี (ปี 61-63) เนื่องจากกระแสเงินสดสูงถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังมีเงินที่ได้จากการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) อีก 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สามารถรองรับการลงทุนต่าง ๆ ได้ งบลงทุนในปี 61 บริษัทตั้งไว้ที่ราว 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เราให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนไว้ที่ 63 บาท เป็นหุ้นโดดเด่นที่สุดในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
  • Price Pattern ของ IVL มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 50.50 บาท และหาก Break เหนือ 50.50 บาทได้สำเร็จ มีโอกาสทดสอบ High เดิมที่ 60 บาท และมีเป้าหมายถัดไปที่ 71.75 บาท ตามลำดับ Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 43.25 บาท (Resistance: 50, 49.50, 50.75; Support: 46.50, 45.25, 44.25)

 

ปัจจัยในประเทศ:

  • ธปท.คาด NPL กลุ่มธนาคารจะพีคในไตรมาส 4/60 หรือจะอยู่ที่ระดับมากกว่า 3% และคาดจะพีคอยู่ระดับดังกล่าวสักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลง ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจและการเติบโตของสินเชื่อในปีหน้า (บางกอกโพสต์) ความเห็น: จากข้อมูลกลุ่มธนาคารทั้ง 9 แห่งที่เราศึกษา เราคาดว่า NPL ratio เฉลี่ยในไตรมาส 4/60 จะยังปรับตัวขึ้นต่อมาอยู่ที่ 3.26% จาก 3.23% ในไตรมาส 3/60 ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 3.00% ในปี 61 หนุนโดยการฟื้นตัวเศรษฐกิจในวงกว้างมากขึ้นและการขยายตัวของสินเชื่อที่รวดเร็วขึ้น
  • การจัดประมูลคลื่นความถี่ยังไม่กำหนดวันที่แน่นอน: การประมูลตามแผนของใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 และ 850 เมกะเฮิรตซ์ในเดือนพฤษภาคมปี 2561 ยังไม่แน่นอนจากการที่ผู้บริหารเห็นว่าราคาเริ่มต้นประมูลของคลื่นสูงเกินไป (Bangkok Post)
  • GUNKUL (ราค1าปิด 3.96 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท) รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2560 เท่ากับ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  12% YoYและ 10%QoQมากกว่า Bloomberg Consensus ที่ 136 ล้านบาทเล็กน้อย ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นมีสาเหตุจากรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้ากังหันลมขนาด 60 MW เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่จำหน่ายเพียง 10 MW ประกอบกับรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นด้วย รายได้และกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าของ GUNKUL ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามกำลังผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น คาดว่าสิ้นปี 2560 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า232 MW และกลางปี 2561 จะเพิ่มเป็น282 MW และปลายปี 2561 คาดว่าเพิ่มเป็น350-390 MW และมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งของพลังงานไฟฟ้าทดแทนเป็น 1,190 MW ภายในปี 2563 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 5.50 บาทต่อหุ้น
  • TMT (ราคาปิด 16.20 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท) รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2560 เท่ากับ 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% YoYและ 465%QoQมากกว่า Bloomberg Consensus 15% ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นมีสาเหตุจากราคาขายเหล็กในประเทศที่เพิ่มขึ้น เรามองราคาเหล็กยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยได้รับปัจจัยบวก (1) นโยบายส่งเสริมการการผลิตเหล็กคุณภาพสูงของจีน และ (2) ความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นในปีหน้าจากการกลับมาเดินหน้า Mega Projects คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 20.00 บาทต่อหุ้น
  • AP รายงานรายได้ใน 3Q60 ที่ 4,939 ล้านบาทใกล้เคียงกับประมาณการของเรา โดยโตขึ้น 11% YoYและ 3% QoQกำไรอยู่ที่ 637ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5% YoYและ 3.9% QoQตามลำดับ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการโอนของโครงการ Rhythm Sukhumvit 42 Centro Chaiyapruk Aspire Ngamwongwan และ BKM Pinkao-charanทำให้ รายได้ 9M17 รวมอยู่ที่ 13,937 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 22,000 ล้านบาท
  • SIRI รายงานผลประกอบการ 3Q60 ที่ 7,231 ล้านบาท โดยโตขึ้น 2% YoYแต่ -15.2% QoQกำไรอยู่ที่ 730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.0% YoYแต่ -9.4% QoQตามลำดับโดย SIRI เพิ่งเปิดโครงการคอนโดใหม่ 2 โครงการเมื่อวันที่ 11-12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้ ได้แก่ โครงการ Oka Hausและ Taka Haus มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ได้เปิดรอบจองออนไลน์ไปแล้วและจะเปิดจองอีกในงานที่พารากอนวันที่ 24 พฤศจิกายน คาดว่าน่าจะมี Take up rate ประมาณ 40%

 

ตลาดต่างประเทศ

  • สหรัฐฯ/ยุโรป/ญี่ปุ่น ปิดปรับตัวลดลง:ผลจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับกฎหมายปฏิรูปภาษีในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นสำคัญ ๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ความหวังเดียวที่เป็นบวกกับตลาดหุ้นคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่นดีขึ้นอย่างมาก

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ตลาดน้ำมัน ราคาเคลื่อนไหวไม่มาก:ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความคาดหวังในเรื่องของการขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตกลุ่มโอเปก
  • แท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้น: Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 9 แท่น มาอยู่ที่ 738 แท่น ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 จากทั้งหมดสามสัปดาห์
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นไม่มาก:สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปลายปีนี้ และจะแตะระดับที่ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2561
  • ค่าระวางเรือเทกองอ่อนตัวลง:มาอยู่ที่ 1,464 จุด ลดลง 17 จุด -1.15% คาดว่าไม่เกี่ยวกับความกังวลแผนปฏิรูปภาษีในสหรัฐฯ เพียงแต่พ้นช่วงพีคของการส่งออกไปแล้ว
  • ราคาถ่านหินอ่อนตัวลงแต่ทรง ๆ ในระดับสูง:อยู่ที่ 97.65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน อย่างไรก็ตามทิศทางของราคาถ่านหินยังดีอยู่มาก สะท้อนว่า BANPU จะยังคงมีกำไรที่จากธุรกิจถ่านหินต่อไปในช่วงไตรมาส 4/60