เปิดวาระร้อนซัมมิตอาเซียน

เปิดวาระร้อนซัมมิตอาเซียน

คาดว่าผู้นำอาเซียนและจีนจะประกาศเริ่มต้นการเจรจาเรื่องแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ตามกรอบแนวทางที่รัฐมนตรีต่างประเทศบรรลุข้อตกลงไว้เมื่อเดือนส.ค.

ผู้นำทั้ง 10 ชาติอาเซียน พร้อมทั้งประเทศคู่เจรจาอีก 9 ประเทศ เช่น สหรัฐและ จีน รวมทั้งผู้นำจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น)และสหภาพยุโรป (อียู)ร่วมประชุมซัมมิตอาเซียนครั้งที่ 31 และการประชุมเวทีคู่ขนานในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของอาเซียนปีนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า อาเซียนจะอนุมัติกรอบแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ และสัญญาคุ้มครองแรงงานอพยพ ที่เป็นเป้าหมายของฟิลิปปินส์ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้

สำหรับประเด็นสำคัญ ที่คาดว่าจะถูกหยิบยกขึ้นหารือในการประชุม คือ เรื่องภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และคาดว่า อาเซียน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับเกาหลีเหนือจะแสดงความกังวลต่อการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งเรียกร้องให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา

นอกจากนี้  ยังคาดว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ จะสรุปสถานการณ์ให้เหล่าผู้นำรับทราบเรื่องผลการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงที่ยึดเมืองมาราวีได้สำเร็จแล้ว ซึ่งผู้นำชาติๆมีความกังวลร่วมกันเรื่องภัยคุกคามจากการก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่ง

ส่วนประเด็นวิกฤติโรฮิงญา ก็เป็นอีกวาระร้อนของภูมิภาค แต่เนื่องจากอาเซียนยึดหลักไม่ก้าวก่ายกิจการภายในชาติสมาชิก ทำให้อาจมีผู้นำเพียงบางชาติ ที่ออกมาแสดงความวิตกและความไม่พอใจเรื่องนี้ และคาดหวังว่าเมียนมาร์จะเป็นฝ่ายหยิบยกเรื่องนี้เพื่อชี้แจงต่ออาเซียน

อีกหนึ่งในไฮไลต์ของการประชุมครั้งนี้ คือ ประธานาธิบดีดูเตอร์เต จะพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เป็นครั้งแรก หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐตึงเครียดในช่วงใกล้พ้นตำแหน่งของประธานาธิบดีบารัก โอบามา  ที่วิจารณ์สงครามยาเสพติดของผู้นำฟิลิปปินส์อย่างหนัก และนายดูเตอร์เต มั่นใจว่า นายทรัมป์จะไม่พูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนตอนหารือร่วมกัน