ตำรวจนำเจ้าของไร่มันสำปะหลังมือยิงกระทิง เข้าขอขมาพระนักอนุรักษ์กระทิง ก่อนนำตัวไปดำเนินคดี แม้จะอ้างว่าถูกกระทิงทำร้ายจึงป้องกันตัว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ
ความคืบหน้ากรณีมีกระทิงเพศผู้ตัวใหญ่ อายุประมาณ 10-12 ปี น้ำหนักกว่า 1,200 กิโลกรัม ถูกยิงด้วยปืนลูกซองตาย กลางไร่มันสำปะ หลังวัดป่าสังฆทาน บ้านท่าวังไทร ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เมื่อคืนวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ล่าสุด พันตำรวจเอกมีชัย กำเนิดพรม ผู้กำกับการ สภ.วังน้ำเขียว เปิดเผยว่า ตำรวจสอบสวน นายวา ชุ่ม พรหมราช อายุ 44 ปี เจ้าของไร่มันสำปะหลัง ที่พบกระทิงเพศนอนตาย ครั้งแรกนายวาอ้างว่า ไม่รู้เรื่องการตายของกระทิง แต่กลางดึกที่ผ่านมา นายวาสารภาพว่า เป็นคนใช้ปืนลูกซองยิงกระทิงตัวดังกล่าวจริง โดยอ้างว่า กระทิงได้โผล่ออกจากไร่มันสำปะ และพุ่งเข้าชน และพยายามเข้าทำร้าย จึงใช้ปืนลูกซองยาวยิงจนกระทิงล้มลง ส่วนนายวาบาดเจ็บที่ใบหน้าและหลัง
หลังเกิดเหตุ กลัวความผิด จึงนำอาวุธปืนลูกซองยาวที่ใช้ก่อเหตุ ไปซุกซ่อนไว้ในไร่มันสำปะหลังและปฏิเสธมาตลอด ก่อนรับสารภาพในที่สุด โดยในวันนี้ (11 พ.ย.) ตำรวจได้นำตัวนายวา ฯไปค้นหาปลอกกระสุนปืนลูกซองในไร่มันสำปะหลังที่นายวาฯอ้างว่าได้ใช้ปืนยิงกระทิงเพราะถูกกระทิงวิ่งชาร์ทขณะกำลังติดไฟไล่สัตว์ป่าที่มากักกินมันสำปะหลังแต่ไม่พบหลักฐานเพิ่มเติม
หลังจากนั้นตำรวจได้นำตัวนายวาฯไปขอขมาหลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เจ้าอาวาสวัดป่าทรัพย์ทวีธรรมมารามพระที่เป็นผู้อนุรักษ์กระทิงและป่าไม้ของอำเภอวังน้ำเขียว โดยนายวาฯได้ถอดเสื้อโชว์บาดแผลโดยอ้างว่าถูกกระทิงวิ่งชาร์ทจนได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าหัวไหล่ขวาและแผ่นหลังโดยนายวาฯระบุว่าหลังกระทิงวิ่งชาร์ทก็ได้ยิงปืนสวนไปเพื่อป้องกันตัวจากนั้นก็สลบไป แต่ตำรวจไม่เชื่อคำให้การของนายวาฯสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการซุ่มยิงกระทิงจากที่สูงหรือเนินมากกว่า ตำรวจได้ตั้งข้อหาล่าและพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนายบริพัตร สุนทร ผู้ประสานงานกลุ่มอนุรักษ์เขาแผงม้าอำเภอวังน้ำเขียว กล่าวว่า กระทิงอยู่ห่างจากเขตอนุรักษ์ป่าเพียงเล็กน้อย และควรหาวิธีแก้ไขอย่างเป็นระบบ ที่ผ่านมา มีการประชุมแก้ไขต่อเนื่อง แต่ก็เกิดปัญหาซ้ำซาก