'ประยุทธ์' เสนอ 'เอเปค' หนุนภาคเกษตรปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล

'ประยุทธ์' เสนอ 'เอเปค' หนุนภาคเกษตรปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล

“พล.อ.ประยุทธ์” เสนอเอเปคหนุนภาคเกษตรปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล แนะวางรากฐานพัฒนามนุษย์ให้แข็งแกร่ง ขอเติบโตไปพร้อมกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เมื่อที่11พ.ย.เวลา9.30น.ที่นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปค ช่วงที่1 (Retreat I)ภายใต้หัวข้อ การเติบโตอย่างมีนวัตกรรม การมีส่วนร่วม และการจ้างงานที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัลโดยภายหลังการประชุมพล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายกรัฐมนตรีขอบคุณเวียดนามที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นแก่คณะผู้แทนไทย พร้อมชื่นชมเวียดนามที่จัดการประชุมเอเปคตลอดทั้งปีได้อย่างดีเยี่ยม ประเด็นสำคัญที่เวียดนามหยิบยกมีความสมดุลระหว่างการค้าการลงทุนและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่4ซึ่งจะนำพาเอเปคไปสู่ยุคใหม่ซึ่งมีนวัตกรรมเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งผลักดันให้เกิดการสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกล

พล.ท.วีรชน กล่าวต่อว่านายกรัฐมนตรีได้เสนอสิ่งที่เอเปคสามารถเริ่มดำเนินการเพื่อวางรากฐานไปสู่การเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืน ได้แก่การพัฒนาทุนมนุษย์โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า การพัฒนาทุนมนุษย์เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของทุกสมาชิกเอเปค ซึ่งได้จัดทำกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคดิจิทัล เป็นแนวทางเตรียมความพร้อมบุคลากรทุกเพศทุกวัยให้มีศักยภาพเท่าทันต่อวิวัฒนาการของเทคโนโลยี โดยไทยให้ความสำคัญต่อการเตรียมกำลังคนในยุคดิจิทัลผ่านบูรณาการสะเต็มศึกษา เพื่อนำไปสู่การคิดแก้ปัญหา และการสร้างสรรค์นวัตกรรมในชีวิตประจำวันและการทำงาน รวมทั้งการวิจัยและพัฒนา การใช้ดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์ และการให้ความสำคัญกับการเตรียมแรงงานในยุคดิจิทัล รวมทั้ง การปรับปรุงหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ของสถาบันการศึกษาในทุกระดับ และบูรณาการระบบทรัพยากรการเรียนรู้ของภาครัฐให้สนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน สนับสนุนสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการใหม่ๆให้ขยายตัวอย่างเข้มแข็งและกว้างขวางทั่วประเทศในช่วง2ปีที่ผ่านมา

สำหรับการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในฐานะที่เป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก ควรต้องสนับสนุนภาคการเกษตรปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัล เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารโลก ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงสนับสนุนให้เกษตรกรน้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเช่นBig dataในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไปสู่เกษตรอัจฉริยะ เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเชื่อมต่อกับตลาดโลก รวมถึงรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

ส่วนการส่งเสริมธุรกิจสีเขียวการส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียว มีส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลก และเป็นรากฐานให้เอเปคเติบโตอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และมีนวัตกรรม ตลอดจนผลักดันให้ภูมิภาคของเราเปลี่ยนผ่านไปสู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” และก่อให้เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมสีเขียวที่กำลังเติบโตขึ้นอีกด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยร่วมกับเปรูผลักดันยุทธศาสตร์เอเปคว่าด้วยการส่งเสริมเอสเอ็มอีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน และมีนวัตกรรม ซึ่งผู้นำเอเปคจะรับรองในปีนี้ และไทยพร้อมรับที่จะจัดทำแผนงานและดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกเอเปคนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปปฏิบัติให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อไป


“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การดำเนินการข้างต้นควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ในส่วนของไทย มีกลไกประชารัฐ ซึ่งเป็นการสานพลังระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ส่วนเอเปค มีสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจหรือเอแบค และหน่วยงานพันธมิตรอีกมากมาย นายกรัฐมนตรีหวังว่า เอเปคและกลไกเหล่านี้จะประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากขึ้นในอนาคตเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มก้าวสู่สังคมดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพและเท่าเทียม นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียินดีที่เวียดนามเสนอวาระการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ การเงิน และสังคม เพื่อเป็นแนวทางให้สมาชิกเอเปคเติบโตไปพร้อมๆกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง”พล.ท.วีรชน กล่าว