จี้สอบเจ้าอาวาสปล่อยเงินกู้-จัดไฟแนนซ์

จี้สอบเจ้าอาวาสปล่อยเงินกู้-จัดไฟแนนซ์

คณะสงฆ์บุรีรัมย์จ่อตั้ง กก.สอบ “เจ้าอาวาสปล่อยเงินกู้-จัดไฟแนนซ์” หลังตัวแทนชาวบ้านบุกยื่นหนังสือสำนักพุทธบุรีรัมย์ ร้องตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 60 ตัวแทนชาวบ้าน บ้านหนองคูบอน หมู่ 8 ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ตรวจสอบพฤติกรรม พระอธิการสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองคูบอน โดยกล่าวหาว่า เจ้าอาวาสมีพฤติกรรมบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส ทั้งมีพฤติกรรมรับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ และปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้าน โดยเก็บอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาทต่อเดือน โดยชาวบ้านได้นำเอกสารการทำหนังสือสัญญาเงินกู้เมื่อปี 2549 - 2551 มายื่นเป็นหลักฐานในการร้องเรียนด้วย นอกจากนั้นยังกล่าวหาว่า เจ้าอาวาสมีพฤติกรรมสร้างความแตกแยกให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน จึงอยากให้นิมนต์เจ้าอาวาสออกจากพื้นที่

นายสรภาส จิรวรกานต์ ตัวแทนชาวบ้าน บอกว่า ที่ชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนสำนักงานพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าอาวาส ทั้งใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ , เรียกเก็บเงินชาวบ้านที่นำอัฐิมาบรรจุที่รั้ววัด โดยอ้างว่าเงินสร้างวัดเป็นเงินส่วนตัว , ทั้งมีพฤติการณ์ซื้อขายรถยนต์มือสองภายในวัด โดยมีการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ลักษณะเหมือนจัดไฟแนนซ์รถยนต์ และมีพฤติกรรมปล่อยเงินกู้ พร้อมจัดทำหนังสือสัญญาเงินกู้ และเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงอยากให้มีการตรวจสอบขอเท็จจริง หากพบว่าเจ้าอาวาสกระทำผิดจริง ก็อยากให้ดำเนินการลงโทษตามระเบียบของสงฆ์ หรือนิมนต์ออกจากวัด เพื่อลดความแตกแยกของคนในชุมชน

โดยชาวบ้านอ้างว่า หากชาวบ้านที่มีความเดือดร้อนต้องการไปขอกู้ยืมเงินพระ ก็จะต้องมีการทำสัญญาเงินกู้ ระหว่างเจ้าอาวาสผู้ให้กู้ และชาวบ้านซึ่งเป็นผู้กู้ โดยหนังสือสัญญาเงินกู้บางฉบับ จะมีอดีตผู้ใหญ่บ้านคนเก่าเป็นคนเขียนสัญญาเงินกู้ ส่วนการชำระคืนทั้งต้น และดอกเบี้ยชาวบ้านก็จะไปชำระเองกับเจ้าอาวาสที่วัด

นายประสงค์ ทองประ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ระบุภายหลังรับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านว่า หลังรับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านแล้ว ก็จะเสนอเรื่องไปยังคณะปกครองสงฆ์ เพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว คาดว่าไม่น่าจะเกินสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วพบข้อมูลหลักฐานว่าเจ้าอาวาสที่ถูกกล่าวหากระทำผิดจริง ทางคณะปกครองสงฆ์ก็จะเป็นผู้พิจารณาว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าว ผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ และมีความผิดสถานใด จะต้องลงโทษอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาไม่มีอำนาจตัดสินใจ