แพทย์รามาฯ ชี้สาวออฟฟิตเสี่ยงเป็นโรคช้ำรั่ว

แพทย์รามาฯ ชี้สาวออฟฟิตเสี่ยงเป็นโรคช้ำรั่ว

แพทย์รามาฯ เตือนสาวออฟฟิตเสี่ยงภาวะโรคปัสสาวะบีบตัวไวเกินหรือโรคช้ำรั่ว ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ทำให้ไม่มีเวลาที่จะเข้าห้องน้ำ หรือต้องอั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน มีอาการปัสสาวะเล็ด หรือการที่มีปัสสาวะรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ

แพทย์รามาฯ ชี้สาวออฟฟิตเสี่ยงเป็นโรคช้ำรั่ว โรคใกล้ตัวกวนใจที่รักษาได้ แพทย์รามาฯ เตือนสาวออฟฟิตเสี่ยงเป็นโรคภาวะโรคปัสสาวะบีบตัวไวเกินหรือโรคช้ำรั่ว Overactive Bladder (OAB) พบมากขึ้นถึงกว่า 21.3% ด้วยไลฟ์สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไปมีความเร่งด่วน การจราจรที่ติดขัด ทำให้ไม่มีเวลาที่จะเข้าห้องน้ำ หรือต้องอั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน มีอาการปัสสาวะเล็ด หรือการที่มีปัสสาวะรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงและเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนได้ จึงได้จัดงาน Check in OAB ชีวิตดี เมื่อโอเอบีรักษาได้ เจาะลึก รู้จริง เข้าใจเรื่องโรค OAB ในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.00 - 16.30 น. ณ บริเวณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 7 เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


         ศ.นพ.วชิร คชการ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบภาวะโรคปัสสาวะบีบตัวไวเกิน Overactive Bladder (OAB) หรือที่เรียกว่าโรคช้ำรั่ว เป็นอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบปัจจุบันทันด่วนเพิ่มมากขึ้นถึง 21.3% โดยส่วนใหญ่จะพบโรคนี้กับผู้สูงอายุที่มากขึ้น มากกว่าร้อยละ 30 ของผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และสตรีเคยมีประวัติคลอดบุตรหลายคน แต่ปัจจุบันพบในผู้หญิงวัยทำงานอายุ 30- 40 ปี เพิ่มมากขึ้น ด้วยไลฟ์สไตล์ และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เพราะมีการแข่งขันสูง มีการทำงานต่อเนื่องกันหลายชั่วโมงหลาย ไหนจะออกนอกสถานที่ ไหนจะต้องเผชิญกับภาวะรถติด ใช้เวลาบนท้องถนนนานเป็นพิเศษ ตามวิถีของคนเมือง บ้างไม่มีเวลาที่จะเข้าห้องน้ำ หรือต้องอั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน อาจประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินปัสสาวะ มีอาการปัสสาวะเล็ด หรือการที่มีปัสสาวะรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ


 สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะที่มีส่วนในการควบคุมการปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ระบบหูรูด กล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน ระบบประสาทที่ควบคุมการกลั้นและขับปัสสาวะ รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงบางอย่าง เช่น การดื่มน้ำน้อย กลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการบีบตัวผิดปกติ จนกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ นอกจากนั้นคนที่เคยผ่าตัดมดลูกมาก่อนอาจมีการเสื่อมของหูรูด และการหย่อนยานของผนังช่องคลอดรวมทั้งบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะ ทำให้บริเวณคอกระเพาะปัสสาวะปิดไม่สนิทจึงเกิดอาการปัสสาวะรั่วออกมา และในวัยสูงอายุ และประจำเดือนหมดแล้วฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง ทำให้เยื่อบุในท่อปัสสาวะขาดความยืดหยุ่นระบบการปิดกั้นของท่อปัสสาวะลดลง ทำให้ปัสสาวะรั่วซึมได้เช่นกัน และรวมถึง การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ


               อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ปัญหาของโรคนี้คือ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าตนเองเป็น เพราะมักจะเข้าใจผิดไปเองว่า อาการปัสสาวะบ่อยนั้นเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงไม่ไปตรวจที่โรงพยาบาล ทำให้อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้เป็นปัญหาในการเข้าสังคม หรือเป็นปัญหาทางสุขภาพและอนามัย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นช้ำรั่วหรือไม่          

วิธีสังเกตอาการที่เสี่ยงต่อภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

1.อาการปวดราด คือปวดปัสสาวะรุนแรงจนเล็ดราดออกมา ไม่สามารถรอไปเข้าห้องน้ำได้ทัน ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ จะรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยมากกว่า 8 ครั้งขึ้นไปต่อวัน

2. ปัสสาวะเล็ดจากการไอ จาม หรือหัวเราะ อาการลักษณะนี้มักพบในผู้หญิงที่เริ่มมีอายุมากขึ้น น้ำหนักตัวมาก เคยมีประวัติคลอดบุตรหลายคนไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีธรรมชาติ หรือผ่าตัด เคยมีการผ่าตัดบริเวณรอบท่อปัสสาวะ หรือเคยรับการฉายรังสีรักษาบริเวณนั้นมาก่อน

3. ปัสสาวะราด คือเมื่อปวด ปัสสาวะก็ไหลออกมาเลย โดยไม่สามารถกลั้นได้ โรคช้ำรั่ว ไม่ใช่โรคร้ายที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต แต่จะทำให้ผู้ป่วยเกิดความรำคาญ มีผลต่อสุขภาพจิต และการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความมั่นใจที่จะเข้าสังคม ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงได้          

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวหรือน่าอับอาย เพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หาย หรือทำให้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นได้ซึ่งการรักษามีหลายวิธี ทั้งการกินยารักษา การใช้ฮอร์โมนทดแทน การฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยการขมิบช่องคลอด หรือแม้แต่การผ่าตัด อย่างไรก็ตาม นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมด้วย เช่น การลดน้ำหนัก อย่าให้ท้องผูก งดสูบบุหรี่ งดดื่มกาแฟ โซดา น้ำอัดลม เนื่องจากมีสารกระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายบ่อยนอกจากนี้การสวมใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ก็จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติซึ่ ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น 


            ศ.นพ.วชิร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันปัญหาทีทำให้ผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นส่วนหนึ่งคือ ผู้ป่วยมีอาการแล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคนี้ ทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี  ทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี คุณภาพชีวิต ทั้งความเป็นอยู่ การทำงานแย่ลง สูญเสียความมั่นใจ และสิ้นเปลืองกับการซื้อผ้าอ้อม ทางโรงพยาบาลรามาธิบดีจึงได้จัดงานเสวนา Check in OAB ชีวิตดี เมื่อโอเอบีรักษาได้ เจาะลึก รู้จริง เข้าใจเรื่องโรค OAB โดยมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลรามาธิดีมาให้ความรู้ และ Check List กลุ่มเสี่ยงที่จะมีโอกาสเป็น และเปิดประสบการณ์ตรงเตรียมพร้อมรับมือกับ OAB จากดารารับเชิญสุดพิเศษคุณตุ๊ก ดวงตาตุงคะมณี และ คุณคัดกิ่งรักส์ คิคคิคสะระณัง (เมจิ) พร้อมพบกับกิจกรรมดนตรี "สุขาอยู่หนใด" จากศิลปิน เบล สุพล ในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.00-16.30 น. ณ บริเวณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 7 เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น สนใจติดต่อสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ – 18 พฤศจิกายน 2560 โทร. 083-291-1188 ระหว่างเวลา 10.00–18.00 น. หรือลงทะเบียนผ่านอีเมล [email protected]  หรือ https://goo.gl/hxEtGB