เหยื่อลูกค้าปาถุงน้ำเงี้ยวเดือดลวกตัวเข้าพบตร.

เหยื่อลูกค้าปาถุงน้ำเงี้ยวเดือดลวกตัวเข้าพบตร.

ลูกจ้างสาวร้านขนมจีน เหยื่อลูกค้าสาวอารมณ์ร้ายปาถุงน้ำเงี้ยวเดือดลวกตัวจนเป็นแผลฉกรรจ์ พร้อมทนายเข้าพบ ตร.ให้ปากคำแล้ววอนคู่กรณีรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณี ลูกจ้างสาวร้านขายขนมจีน ในตัวเมืองเชียงใหม่ ถูกลูกค้าสาวขว้างถุงน้ำเงี้ยวร้อนๆ ที่เพิ่งตักจากหม้อเดือดๆ เข้าใส่หน้าจนทำให้ถูกลวกเป็นแผลพุพองขนาดใหญ่ตั้งแต่บริเวณลำคอลงไปจนถึงบริเวณหน้าอก โดยที่หลังจากก่อเหตุลูกค้าสาวยังยืนด่าลูกจ้างสาวร้านขายขนมจีน รวมทั้งผู้ที่พยายามเข้ามาห้ามปรามด้วย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 4 พ.ย.60และ ต่อมาโซเชียลมีเดีย มีการโพสต์ภาพคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ได้ จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิลูกค้าสาวผู้ก่อเหตุอย่างหนัก

อ่านข่าว  แห่แชร์! คลิปลูกค้าสาวเลือดร้อนปาขนมจีนน้ำเงี้ยวใส่แม่ค้า หลังขอถุงใหญ่แต่ได้ถุงเล็ก 

ความคืบหน้า ล่าสุด ช่วงเที่ยงวันนี้(10 พ.ย.60) ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นางคำ ลุงต๊ะ อายุ 26 ปี ชาวอำเภอเวียงแหง จ.เชียงใหม่ ลูกจ้างสาวร้านขายขนมจีนที่เป็นผู้เสียหาย พร้อมด้วยน.ส.อรพินธุ์ เกตุบุญเรือง อายุ 52 ปี เจ้าของร้านขนมจีนป้าพินธ์ และทนายความ นำหลักฐานต่างๆ รวมทั้งใบรับรองแพทย์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเตรียมแจ้งข้อกล่าวดำเนินคดีกับคู่กรณีที่เป็นลูกค้าสาวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเบื้องต้นทราบตัวตนแล้ว โดยจะมีการออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในฐานความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่น

ทั้งนี้ การเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ของผู้เสียหาย นอกจากการให้ปากคำแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหาย และจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเพื่อกับนางคำ เพื่อแจ้งทราบให้ทราบสิทธิเกี่ยวกับการได้รับการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา และรับคำขอรับสิทธิจากนางคำด้วย ซึ่งประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท,ค่าขาดประโยชน์การทำมาหาได้เท่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ นับแต่วันที่ไม่สามารถทำงานได้จนกว่าจะทำงานได้ตามปกติ แต่เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และค่าตอบแทนความเสียหายอื่น ไม่เกิน 50,000 บาท โดยจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการระดับจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป

ด้านนางคำ ลุงต๊ะ อายุ 26 ปี เปิดเผยว่า วันนี้ก่อนที่จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนได้ไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาบาดแผลตามที่แพทย์นัดหมาย เสียค่าใช้จ่ายไปอีกประมาณ 3,000 กว่าบาท รวมกับที่เข้ารับการรักษาครั้งแรกที่เกิดเหตุและล้างแผลก่อนหน้านี้เป็นรวมเสียค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 14,000 บาท ส่วนอาการบาดเจ็บล่าสุดนั้น ดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังคงเจ็บแผลอยู่และยังไม่สามารถไปทำงานได้ ขณะที่คู่กรณีนั้น นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาเจรจาพูดคุยตกลงใดๆ นอกจากที่มีการคุยกันครั้งแรกตอนเกิดเหตุว่าจะรับผิดชอบ แต่โดยส่วนตัวไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ และให้อภัย ขอเพียงให้มาแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำลงไป

ขณะที่ทางพนักงานสอบสวน ระบุว่า คดีนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่น่าหนักใจเพราะว่ามีคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานชัดเจนในการก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นต้องทำการสอบปากคำทางผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานก่อนที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งในเวลานี้ทางเจ้าที่ตำรวจได้ทราบตัวแล้วและจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป โดยจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะมีการเรียกผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีต่อไป

ส่วนน.ส.อรพินธุ์ เกตุบุญเรือง อายุ 52 ปี เจ้าของร้านขนมจีนป้าพินธ์ กล่าวว่า นางคำ ลูกจ้างที่เป็นผู้เสียหายนั้น ทำงานอยู่ที่ร้านขายขนมจีนดังกล่าวมาหลายปีแล้ว เท่าที่รู้จักมานาน นางคำเป็นคนเรียบร้อย พูดจาดี สุภาพ โดยเฉพาะกับลูกค้า ขณะเดียวกันยังเป็นคนขยันทำมาหากินด้วย โดยทำงานที่ร้านขนมจีนทุกวัน วันละ 2 กะ ตั้งแต่เปิดร้านช่วงประมาณ 11.00 น.ไปจนถึงปิดร้านประมาณ 02.00-03.00 น. เพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว ทั้งพ่อแม่และลูก ทั้งนี้ต้องการให้คู่กรณีรับผิดชอบ และเยียวยาชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนางคำ ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจด้วย

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของคู่กรณีที่เป็นลูกค้าสาวที่ก่อเหตุนั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวแล้วซึ่งหลังจากที่ตกเป็นข่าวกรณีดังกล่าวที่มีการเผยแพร่ทางโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว ทางผู้ก่อเหตุมีอาการเครียดอย่างหนัก เนื่องจากถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ และตำหนิการกระทำอย่างรุนแรง โดยจากการพยายามติดต่อเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทางลูกค้าสาวผู้ก่อเหตุได้ปฏิเสธที่จะพูดคุยหรือให้ข้อมูลใดๆ ด้วยเหตุผลว่าไม่พร้อมเนื่องจากสภาพจิตใจย่ำแย่อย่างหนัก