ดาวโจนส์ปิดทรุดกว่า100จุด

ดาวโจนส์ปิดทรุดกว่า100จุด

หลังมีข่าวรีพับลิกันเสนอชะลอแผนปรับลดภาษีจนถึงปี 2562

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(9พ.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น ทรุดตัวลงกว่า100 จุด หลังมีรายงานข่าวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 101.42 จุดหรือ 0.43 % ปิดที่ 23,461.94 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลบ 9.76 จุดหรือ 0.38% ปิดที่ 2,584.62 จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 39.07 จุดหรือ 0.58% ปิดที่ 6,750.05 จุด

การทรุดตัวลงของหุ้นสหรัฐ เกิดขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562  ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

ทั้งนี้ การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีได้มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่จะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐานกลับสู่สหรัฐ เนื่องจากต้องการรอให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา เริ่มจากบริษัทโคห์ล คอร์ป ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานกำไรในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และความเสียหายที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคน

ทั้งนี้ โคห์ล คอร์ป เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 70 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 72 เซนต์/หุ้น แต่ยอดขายอยู่ที่ระดับ 4.33 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.30 พันล้านดอลลาร์

เมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 3 โดยแม้กำไรจะสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็มีรายได้และยอดขายต่ำกว่าคาด

ทั้งนี้ เมซีส์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 23 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 19 เซนต์/หุ้น แต่ยอดขายในห้างเมซีส์ ที่เปิดดำเนินงานมานานกว่า 1 ปี ร่วงลง 3.6% เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายจะลดลง 2.6%

นอกจากนี้ รายได้อยู่ที่ระดับ 5.28 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.31 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่ไทม์ อิงค์ เจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของสหรัฐ รายงานรายได้ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยรายได้จากค่าโฆษณาของสื่อออนไลน์ไม่สามารถชดเชยรายได้โฆษณาที่ลดลงในสื่อสิ่งพิมพ์

ทั้งนี้ ไทม์ อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 36 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 29 เซนต์/หุ้น แต่รายได้ร่วงลง 9.5% สู่ระดับ 679 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 693 ล้านดอลลาร์