จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

“มาสิงคโปร์ครั้งแรกเลยค่ะ” บอกทุกคนในทริปไป มีแต่คนตกตะลึงว่าเธอไปอยู่ไหนมาคะ ถึงไม่เคยมาสิงคโปร์เลย ทั้งๆ ที่บินจากเมืองไทยแค่ 2 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น ก็เพราะว่าใกล้ไป เลยเอาแต่ไปประเทศไกลกว่า ทั้งๆ ที่รู้และจับตาข่าวความเคลื่อนไหวของสิงคโปร์อยู่เสมอ

สิงคโปร์เป็นประเทศที่สร้างทุกอย่างขึ้นมาจากศูนย์ แล้วก้าวกระโดดไปไกลกลายเป็นเมืองแห่งการค้า การเงิน เมืองแห่งสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และจากที่เคยมีแต่ภาพลักษณ์ด้านธุรกิจ ถึงตอนนี้สิงคโปร์ก็โดดเด่นด้านศิลปวัฒนธรรมมากขึ้นทีเดียว โดยเฉพาะกับพิพิธภัณฑ์ ในช่วง 5 – 6 ปีที่ผ่านมา มีนิทรรศการซึ่งยกเอาคอลเลกชั่นระดับโลกมาแสดงที่นี่หลายคอลเลกชั่นทีเดียว สิงคโปร์ช่างทำให้เรารู้สึกทึ่งไม่หยุดหย่อนจริงๆ

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

ในที่สุดเราก็มายืนอยู่ที่เกาะสิงคโปร์ ซึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีอีเวนท์ใหญ่หนึ่งเดียวในเอเชีย คือ F1 Singapore Grand Prix หรือชื่อเต็มๆ ว่า 2017 Formula1 Singapore Airlines Singapore Grand Prix ซึ่งเป็นสนาม F1 แห่งเดียวในเอเชีย และเป็นสนามไม่กี่แห่งในโลกซึ่งใช้ถนนที่สัญจรในชีวิตประจำวันมาใช้เป็นสนามแข่งรถ บ่งบอกถึงคุณภาพของถนนที่สูงมาก เพราะรถแข่งสูตร 1 ต้องขับด้วยความเร็วระดับ 160 - 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งใช้ล้อที่ไม่มีดอกยางเพื่อการขับเคลื่อนที่สัมผัสผิวถนนได้เต็มที่ และเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว ท้าทายฝีมือการควบคุมรถของนักแข่ง ความเสี่ยงย่อมมี ฉะนั้นพื้นผิวของถนนที่ใช้เป็นสนามแข่งต้องมีสภาพที่ดีเยี่ยม

แต่ก่อนจะถึงอีเวนท์ F1 ในยามค่ำของวันถัดไป เราก็ท่องเมืองสิงคโปร์กันก่อน จะว่าไปแล้ว การมาสิงคโปร์ในวัยผู้ใหญ่ ก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง ถ้าเรามาตั้งแต่เด็กๆ ที่ยังเห็นโลกไม่มาก เราอาจไม่เข้าใจความดีงามที่เห็นอยู่ตรงหน้า

สิงคโปร์แรกสัมผัส

สิงคโปร์เป็นเมืองแสนสะอาด เป็นระเบียบ มีผังเมืองเข้าใจง่าย มีภูมิสถาปัตย์งดงาม เราได้พักที่ Concorde Hotel บนถนนออร์ชาร์ด ซึ่งมีต้นไม้ที่ปลูกเรียงรายริมถนน สูงใหญ่ดูเป็นธรรมชาติ ราวกับเติบโตอยู่ตรงนี้มาแล้วเป็นร้อยปี แต่ด้วยรูปทรงการแผ่กิ่งก้านสาขาที่สมบูรณ์แบบราวกับคัดมา

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

เราก็รู้ว่าผ่านการคัดสรรและออกแบบมาแล้วจริงๆ หลังจากที่ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ และได้ไปดูนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติสิงคโปร์ ก็ได้รู้ว่าบ้านเมืองของสิงคโปร์ถูกรื้อแล้วสร้างขึ้นมาใหม่อย่างสะอาดตาทันสมัยภายใต้วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี ลีกวนยู เพียงชั่วสมัยเดียว ควบคู่ไปกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ก็ถูกผลักดันให้สอดรับกับการพัฒนาที่มุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ความเป็นระเบียบและการแข่งขันสูงลิบทำให้สังคมสิงคโปร์ถูกมองว่าแห้งแล้ง แต่ในระยะหลังนี่แหละ ความชุ่มชื่นด้านศิลปวัฒนธรรมถูกผลักดันขึ้นมาให้เบ่งบานด้วยอัตราเร่งที่ไม่แพ้กัน ทำให้สิงคโปร์สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจขึ้นมาได้ทุกด้าน

ท่องย่านเก่าสิงคโปร์บนสี่ล้อ

ถ้ามีเวลาสัก 1 ชั่วโมง แต่อยากเห็นภาพรวมของสิงคโปร์ต้องทำอย่างไร? ไปมิวเซียมก็ต้องใช้เวลาย่อยข้อมูลนานกว่านั้น และถ้าอยากเพลิดเพลินปล่อยใจสบายๆ แต่ซึมซับความเป็นสิงคโปร์ได้โดยอัตโนมัติ เราขอแนะนำทัวร์ชมเมืองบน Trishaw หรือทัวร์รถลาก แต่เดิมเป็นรถสองล้อแล้วลากจริงๆ แต่ในเมื่อมีจักรยานพ่วงพาไปด้วย รถลากนี้ก็มีสี่ล้อไปโดยปริยาย ทริปของเราใช้บริการ Trishaw Uncle โดยพัฒนารถลาก ซึ่งเป็นการคมนาคมที่มีมาแต่โบราณ ก่อนการมาถึงของรถยนต์และรถไฟ คนเอเชียมีวัฒนธรรมร่วมกันในการเดินทาง รถลากแบบนี้ที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยก็มีเหมือนกัน ถึงตอนนี้ก็พัฒนารูปแบบออกไปต่างๆ กัน รถลากซึ่งเคยเป็นกระดูกสันหลังหลักของการเดินทาง ก็กลายมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่พัฒนามาเป็นการท่องเที่ยว

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

               เราไปขึ้นรถกันที่ Albert Mall คันหนึ่งนั่งได้ 2 คน มีคนปั่นจักรยานให้ สายวันนั้นฟ้าใสแดดสวย ใครที่รู้สึกว่ามันเจิดจ้าเกินไป ก็สามารถกางหลังคาขึ้นมาบังแดดได้ แต่เราและเพื่อนร่วมคันชื่นชอบแดดสาย เลยขอเปิดหลังคาชมวิวให้เต็มที่

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

สิงคโปร์ในเดือนกันยายนอุณหภูมิต่ำกว่าที่กรุงเทพฯ เล็กน้อย ลมเย็นพัดผ่านกับต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงาเป็นระยะทำให้เราเพลินกับทัวร์ชมเมืองมาก เส้นทางนี้พาไปเที่ยวตั้งแต่ย่านเก่าของสิงคโปร์ เห็นตึกแถวโบราณ ตึกใหม่ที่พัฒนาขึ้นในช่วงต้น และพาไปแตะย่านใหม่ที่มีตึกสูงระฟ้า มองเห็นวิถีที่พัฒนาขึ้นอย่างมีรากฐาน ย่านลิตเติ้ลอินเดียสีสันสดใส ต้อนรับด้วยซุ้มประตูอลังการสีพาสเทลประดับประดาด้วยองค์ประกอบอินเดียทุกอณู กลิ่นเครื่องเทศที่กำจายระหว่างทางรถผ่าน ตึกแถวโบราณกลิ่นอายลูกผสมตะวันออกพบตะวันตก หน้าตาคล้ายตึกย่านชิโนโปรตุกีสที่ภูเก็ต ทุกอย่างอนุรักษ์ให้สวยงามสดใส คึกคักวุ่นวายไม่ต่างกับพาหุรัดบ้านเรา แต่ความรกรุงรังไม่มีให้เห็น สีสันหรรษาแค่ไหนเมื่ออยู่ภายใต้ระเบียบของสิงคโปร์จึงมีความเรียบกริบกำกับอยู่เสมอ

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

F1 หนึ่งเดียวในเอเชีย

แล้วค่ำคืนที่รอคอยก็มาถึง การจัดแข่งขันเอฟ วัน สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ แบ่งเป็น 3 วัน วันแรก คือรอบ Practice ซึ่งให้ผู้เข้าแข่งขันได้ทดสอบสนามก่อน วันที่ 2 คือรอบ Qualified ซึ่งคัดผู้ที่ทำเวลาได้ดีที่สุดเข้ารอบไป และวันสุดท้าย คือรอบไฟนอล ชิงชนะเลิศ สำหรับทุกการแข่งขัน สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ มีไฮไลต์อยู่ที่การแข่ง Formula 1 ซึ่งจะแข่งราวสองทุ่มของทุกวัน แต่ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น จะมีการแข่งขัน Ferrari Challenge Asia Pacific และ Porsche Carrera Cup Asia ให้ได้ชมสำหรับแฟนๆ ซูเปอร์คาร์ที่จะได้เห็นรถยนต์เหล่านั้นระเบิดพลังกันเต็มสมรรถนะ

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

เราได้ชมตั้งแต่รอบควอลิฟาย ซึ่งเป็นการแข่งเก็บคะแนน ไปจนถึงรอบไฟนอล เมื่อแรกได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ก็ทำให้ใจเต้นระทึก การแข่งขันที่เคยได้แต่เห็นผ่านจอทีวี มาวันนี้ได้ยินทั้งเสียงเครื่องยนต์ เสียงล้อบดพื้นถนน และกลิ่นไอน้ำมัน ทุกอย่างช่างกระตุ้นความตื่นเต้น จนไม่อยากจะคลาดสายตาจากรถที่เร่งความเร็วผ่านไปสักคัน ใครที่ชอบการแข่งรถต้องมาชมให้ได้สักครั้งในชีวิต

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

การแข่งขันรอบไฟนอล เกิดขึ้นท่ามกลางฝนโปรยปรายหนาตา จนทำให้ถนนลื่นเกิดการชนกันขึ้นตรงหน้าอัฒจันทร์ที่เราชมอยู่ เพิ่มความตื่นเต้นให้ทวีคูณ การแข่งขันครั้งนี้ทีมของเฟอร์รารี่ นำมาเป็นที่ 1 ทีม เรดบูลคะแนนมาเป็นที่ 2 และ 3 หลังจากเริ่มแข่งขันได้ครึ่งชั่วโมง เราก็ได้เห็น ผู้นำที่นำโด่งมาอย่างสม่ำเสมอ ก็คือ Lewis Hamilton จากทีม Mercedes ผู้ที่มาชม F1 Singapore ทุกปีบอกว่าแฮมิลตันคนนี้เป็นนักแข่งดาวเด่น เขาคว้าชัยชนะอยู่เป็นประจำ

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

การแข่งขัน 2017 Formula 1 Singapore Airlines Singapore Grand Prix รอบ Final แข่งทั้งหมด 61 รอบ รอบหนึ่งมีระยะทาง 5 กิโลเมตรกว่าๆ ขับเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นักแข่งต้องใช้ความอึดสุดขั้ว เราเคยสัมภาษณ์นักแข่งรถ เขาบอกว่าคนภายนอกคิดว่าการแข่งรถไม่น่าจะมีอะไร ก็แค่ขับรถ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เพียงมีทักษะการขับรถสูงเท่านั้น ประสาทยังต้องแข็ง ต้านทานต่อความกลัวในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงให้ได้ เพราะธรรมชาติของคนเราเมื่อเกิดความกลัวจะเผลอกลั้นหายใจ และหากกลั้นหายใจบ่อยครั้งเกินไป ร่างกายก็จะขาดอ็อกซิเจน ทำให้อ่อนเพลียเร็วขึ้น อีกทั้งความเร็วของรถและแรงเหวี่ยงในการเข้าโค้งแต่ละครั้งทำให้เกิดแรง G เข้ามาปะทะ 1-2 G ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นักแข่งรถต้องฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่ง บรรดานักแข่งรถส่วนใหญ่จึงต้องเล่นกีฬาแนวเอ็นดูแรนซ์เพื่อสะสมความอึดด้วย เราในฐานะผู้ชมจึงลุ้นกันสุดตัว

และผลการแข่งขันก็ไม่ได้พลิกโผแต่อย่างใด Lewis Hamilton จากทีม Mercedes-Amg Petronas Motosport ก็คว้าชัยมาเป็นที่ 1 ส่วนที่ 2 คือ Danieal Ricciardo จาก Red Bull Racing พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นอย่างฉับไว ผู้ชนะขับวนโชว์ในสนาม กระดาษสีรุ้งแห่งการเฉลิมฉลองโปรยปรายพร้อมกับดอกไม้ไฟลูกใหญ่อลังการถูกยิงขึ้นฟ้าลูกแล้วลูกเล่า เป็นอันจบเทศกาลแข่งรถระดับโลกที่เกิดขึ้นที่สิงคโปร์ทุกปี

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

และอีเวนท์นี้ก็ไม่ได้มีแต่การแข่งรถเท่านั้น แต่ยังมีคอนเสิร์ตที่มีศิลปินระดับโลกทั้งรุ่นเดอะและรุ่นใหม่มาเปิดการแสดงให้ค่ำคืนแห่งการแข่งขันเป็นดั่งเทศกาลแห่งความบันเทิง ตั้งแต่ Seal, Duran Duran, Calvin Harris, Onerepublic, Ariana Grande เป็นต้น ซึ่งเวนิวในการแสดงมีทั้งเวทีย่อย Village Stage ติดสนามแข่งขัน และที่ Padang Stage ที่ต้องเดินไปหลายกิโลเมตร หรือนั่งรถไฟใต้ดินไป

สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือบรรยากาศแห่งความสุขในเทศกาลแข่งรถที่ดูเป็นที่รักของชาวสิงคโปร์ สตาฟงานทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส มีจิตวิญญาณในการดูแลผู้เข้าชมอย่างเต็มที่ ก่อนเดินออกจากทางเข้างาน เหล่าสตาฟก็มาตั้งแถวต้อนรับ แปะมืออำลาอย่างร่าเริง สิ่งนี้ถูกออกแบบมาให้ผู้ชมรู้สึกดี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับงาน แม้เราจะไม่ถึงกับอินกับการแข่งรถ แต่เมื่อมางานนี้กลับรู้สึกผูกพัน และอยากรู้เรื่องราวของการแข่งรถมากขึ้น

เดินป่าสิงคโปร์

หลังจากค่ำคืนสุดตื่นเต้นกับการแข่งขันความเร็ว วันต่อมา เราเลือกไปสัมผัสธรรมชาติของสิงคโปร์กับ เส้นทางเดินป่าธรรมชาติแม็คริคชี (McRitchie Nature Trail & Reservoir Park) ในเขตป่าอนุรักษ์แห่งเดียวในสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อมกับอ่างเก็บน้ำแม็คริตชี และมีจุดเด่นคือทางเดินเหนือยอดไม้ (TreeTop Walks) สะพานแขวนไร้เสากลางยาว 250 เมตร สูงระดับเดียวกับยอดไม้ เชื่อมระหว่างเส้นทางเดินป่า ซึ่งมีระยะทางรวมราว 11 กิโลเมตร แต่มีจุดให้เลือกระยะเดินได้

จากรถลากถึงเอฟวัน หลากอารมณ์ที่สิงคโปร์

ป่าแห่งนี้เป็นป่าเบญจพรรณ บรรยากาศคล้ายป่าเมืองไทย ไม่ถึงกับมีพืชพันธุ์ที่น่าตื่นใจ แต่ถือว่าเป็นพื้นที่ธรรมชาติสำคัญที่ชาวสิงคโปร์ เอ็กซ์แพท และนักท่องเที่ยวพากันมาใช้เวลาว่างกลางแจ้งกัน เส้นทางที่นี่เดินง่ายสบายๆ มีเนินชันน้อยมาก เราเห็นครอบครัว เด็กเล็ก หนุ่มสาว ลุงป้ามาเดินเล่นกันมากมาย เป็นอีกที่ที่แนะนำเลยถ้าใครได้มาสิงคโปร์ จะได้เห็นความเป็นสิงคโปร์อีกแบบนอกเหนือจากถ่ายรูปกับเมอร์ไลออน และบรรดาอาคารแปลกตาแถวมาริน่าเบย์

ทริปสิงคโปร์ครั้งแรกของเรานับว่าได้สัมผัสบรรยากาศหลากหลายจริงๆ จากที่เคยคิดว่าประเทศธุรกิจการแข่งขันสูงไม่น่ามีอะไรมาก ก็ต้องเปลี่ยนความคิดไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่หลอมรวมเป็นสิงคโปร์ช่างมีสีสันและเรื่องราวมากมาย โอกาสหน้าไม่ต้องรอกิจธุระใด เราก็อยากกลับมาค้นหาสิงคโปร์ในอีกหลายๆ แง่มุม