เอปสันกางแผนลุยตลาดองค์กร

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนไอทีในประเทศไทยยังมีแนวโน้มขยายตัว จากอัตราการเกิดใหม่ขององค์กรธุรกิจขนาดต่างๆ ที่สูง ขณะเดียวกันมีการขยายขนาดองค์กรต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ไทยเป็นตลาดที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ที่เข้าไปพัฒนากระบวนการผลิต การทำงานภายในองค์กร นโยบายไทยแลนด์ 4.0 กระตุ้นให้ธุรกิจลงทุนไอที พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ

ดังนั้น เอปสันมีแผนเพิ่มโฟกัสพร้อมสร้างการเติบโตรายได้ในธุรกิจองค์กรเต็มรูปแบบ ในระดับโลกจากปี 2559 ถึง 2568 บริษัทแม่ตั้งเป้าผลักดันให้ภาพรวมธุรกิจเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% สำหรับประเทศไทยคาดว่าจะทำได้ดีกว่า เนื่องจากเป็นตลาดเกิดใหม่มีช่องว่างที่สามารถเติบโตได้อีกมาก

ด้านกลยุทธ์ ทำงานภายใต้วิสัยทัศน์ “เอปสัน 25” ซึ่งกำหนดเป้าหมายสำหรับปี 2568 (2025) ไว้ว่า จะสร้างยุคใหม่ที่เชื่อมโยงผู้คน สิ่งของ และข้อมูลเข้าด้วยกัน (Connected Age) ผ่าน 4 สายผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ พรินเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารด้วยภาพ อุปกรณ์สวมใส่ติดตัวหรือพกพาได้(แวร์เอเบิล) และหุ่นยนต์

สำหรับประเทศไทย เน้นการให้บริการโซลูชั่นสำหรับลูกค้า ตอบรับความต้องการใช้งาน เป้าหมายธุรกิจ พร้อมกันนี้สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์และตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เอปสัน ทั้งจะให้ความสำคัญกับตลาดคอนซูเมอร์ไม่เปลี่ยน

นอกจากนี้ ขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมตลาดเป้าหมาย รวมไปถึงช่องทางจำหน่ายเฉพาะทางสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภทอย่าง เช่น แว่นตาอัจฉริยะ และหุ่นยนต์แขนกล กลยุทธ์สุดท้ายคือ เดินหน้าสื่อสารกับตลาดช่วยให้องค์กรธุรกิจในอุตสาหกรรมสามารถจดจำแบรนด์และคุณค่าผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมการตลาดต่างๆ

ล่าสุด เปิดตัวแคมเปญ “It’s in the Details “ สนับสนุนกลยุทธ์การรุกตลาดบีทูบี โดยใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท จากนี้ไปจนถึงสิ้นสุดปีงบประมาณของบริษัทในเดือนมี.ค. 2561 เพื่อปั้นแคมเปญให้เป็นที่รู้จัก ผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงกิจกรรมการตลาด เช่น โรดโชว์สินค้าทั่วประเทศ

"งานสำคัญคือ การสื่อสารให้ตลาดรับทราบว่าเอปสันไม่ได้มีแค่พรินเตอร์ แต่พร้อมที่จะให้บริการโซลูชั่นสำหรับทั้งคอนซูเมอร์และธุรกิจ ทั้งอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ สายผลิตภัณฑ์อุปกรณ์สื่อสารด้วยภาพในส่วนของโปรเจคเตอร์ แวร์เอเบิล พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์แขนกล ซึ่งได้เริ่มขยายตลาดไปยังกลุ่มโรงงานผลิตขนาดเล็กและกลางแล้ว"

นายยรรยงเผยด้วยว่า มีแผนปรับโมเดลธุรกิจใหม่จากเดิมเน้นขายขาด และเพิ่มการเช่าใช้ จ่ายรายเดือน และจ่ายตามการใช้งานจริง พร้อมกันนี้เร่งสร้างความเชื่อมั่นโดยนำสินค้าไปให้ทดลองใช้ซึ่งพบว่าลูกค้าเริ่มมีความเข้าใจและสนใจจำนวนมาก

บริษัทตั้งเป้าไว้ว่า จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทในไทยมาจากคอนซูเมอร์ 50-60% องค์กรราว 40% ภายใน 3-5 ปี จะผลักดันให้รายได้กลุ่มธุรกิจองค์กรเพิ่มไปถึง 60% สำหรับปี 2560 เบื้องต้น 6 เดือนที่ผ่านมาเอปสันนับว่าทำได้ดีโดยสามารถโตได้ตามเป้าหมายที่มากกว่า 5%

พร้อมระบุว่า กำลังซื้อในประเทศไทยมีสัญญาณเชิงบวก จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงโครงการช้อปช่วยชาติซึ่งทางเอปสันเองเตรียมทำโปรโมชั่นกับแคมเปญนี้ด้วย

“ปีที่ผ่านมามาตรการดังกล่าวช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้อย่างมาก ขณะนี้ผู้ประกอบต่างเตรียมออกแคมเปญมากระตุ้นยอด ด้านผู้บริโภคแม้บางรายใช้เม็ดเงินไม่มากแต่ก็ออกมาจับจ่ายเพื่อใช้สิทธิของตนเอง”