'คมนาคม' เล็งปรับเพิ่มราคากลางรถเมล์เอ็นจีวีอีก 10%

นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดประกวดราคาเพื่อจัดซื้อรถโดยสารประจำทางปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (รถเมล์เอ็นจีวี) 489 คัน เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฎว่าไม่มีเอกชนที่ซื้อซองราคา 8 รายกลับมายื่นราคาแต่อย่างใด ดังนั้น นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ด ขสมก.ได้เข้าพบตนและนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน เบื้องต้น ขสมก.จะกลับไปเรียกประชุมบอร์ดนัดพิเศษ เพื่อหาข้อสรุปการดำเนินการภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหา ขสมก.จะใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ.2560 ด้วยการเรียกผู้ซื้อซองทั้ง 8รายมายื่นราคา

นอกจากนี้ ยังมองว่าในส่วนของการปรับเงื่อนไขทีโออาร์นั้น มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มราคากลางอีกร้อยละ 10 จากเดิมราคากลางอยู่ที่ 4,020 ล้านบาท ซึ่งวิธีการเพิ่มราคากลางยอมรับว่าไม่ได้เป็นการการันตีว่าการคัดเลือกรอบนี้จะได้เอกชนมาดำเนินการ แต่เป็นเพราะความเหมาะสมของราคามากกว่า ขณะเดียวกันการดำเนินการทุกขั้นตอนมั่นใจว่าโปร่งใส เพราะมีตัวแทนขององค์กรป้องกันคอร์รัปชั่นเข้าร่วมสังเกตุการณ์ตลอด

ส่วนระยะเวลาการจัดซื้อจัดหาแบบวิธีคัดเลือกกับวิธีเปิดประมูลใหม่นั้น หากเปรียบเทียบระยะเวลาพบว่า หาก ขสมก.เรียกเอกชนที่เคยซื้อซองราคามาคัดเลือก เพื่อให้เสนอราคากับ ขสมก.โดยตรง ขั้นตอนการดำเนินการจะใช้เวลาเพียง 1 เดือน แต่หากเปิดประกวดราคาเพื่อจัดหาใหม่อาจจะใช้เวลากว่า 2 เดือน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าแม้จะใช้วิธีใดจัดหารถเมล์เอ็นจีวี ก็จะไม่สามารถส่งมอบรถทันสิ้นปี 2560 แน่นอน

ด้านนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ด ขสมก. กล่าวว่า จากการหารือร่วมกัน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คันนั้น ภายในสัปดาห์นี้ ขสมก.จะเปิดประชุมบอร์ด ขสมก.นัดพิเศษ เพื่อมีมติยกเลิกการประกวดราคาจัดหารถเมล์เอ็นจีวี ครั้งก่อน และหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางประกวดราคาใหม่ เบื้องต้นมี 2 แนวทาง คือ 1.การจัดซื้อจัดหาแบบวิธีคัดเลือก และ 2.การเปิดประมูลคัดเลือกหาผู้ดำเนินการรถเมล์เอ็นจีวีใหม่ รวมทั้งหาข้อสรุปเงื่อนไขการประกวดราคาใหม่ด้วยว่ามีข้อด้อย ข้อดีอย่างไรเพื่อปรับทีโออาร์ใหม่ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าทุกอย่างต้องได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้