บอร์ดกคพ. มีมติรับคดีพิเศษ 4 เรื่อง ให้ดีเอสไอสอบสวนปมฟอกเงินทุจริตสกสค. ระบายข้าวจีทูจี ฉ้อโกงขายเครื่องอัลฟ่า 6 และสหกรณ์เชนลิสชิ่งฉ้อโกงปชช. ,เลี่ยงภาษี
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 60. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 1/2560 ที่มีนายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ดีเอสไอได้เสนอให้บอร์ดกคพ.ลงมติรับคดีทั่วไปเป็นคดีพิเศษ จำนวน 7 คดี แต่บอร์ดกคพ.มีมติให้รับไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ 4 คดี ได้แก่ 1 คดีฟอกเงินกรณีนายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวก มีพฤติการณ์ในการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อนุมัติเงินกองทุนของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ให้กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด กู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกัน ซึ่งคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.มีมติอายัดทรัพย์สินในคดีดังกล่าวจำนวนกว่า 800 ล้านบาท
2คดีฟอกเงินจากการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจีของบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด และเครือข่ายของนายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ซึ่งมีพฤติการณ์ทุจริตโดยการปลอมสัญญาให้ดูเสมือนมีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐจริง ตามโครงการรับจำนำข้าวปีพ.ศ.2554-2555
3 คดีบริษัทเอ็ม-แลนดาร์ช จำกัด กับพวก ร่วมกันฉ้อโกงหลอกขายเครื่องตรวจหาสารเสพติดอัลฟ่า 6 (ALPHA 6) ให้กับกรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งทางการสหรัฐอเมริกาและอังกฤษดำเนินคดีบริษัทที่หลอกลวงขายจีที-200 และเครื่องตรวจหาสารเสพติดอัลฟ่าซิกซ์ โดยเครื่องมือลวงโลกดังกล่าวประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนารวมถึงกระทรวงกลาโหมของกองทัพสหรัฐอเมริกาก็ไม่รับรอง เพราะผลการตรวจสอบต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
และ 4. คดีบริษัทเชน ลิซซิ่ง ฉ้อโกงประชาชน โดยพฤติกรรมเป็นการร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและหลีกเลี่ยงภาษีอาหร. โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้ประกอบอาชีพให้กู้ยืมเงินแต่ไปจดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และในการกู้ยืมจะให้ทำสัญญาขายฝากเป็นหลักประกันเงินกู้แล้วนำที่ดินไปขายโอนเปลี่ยนมือ เมื่อลูกหนี้ทำเงินมาชำระหนี้จนครบก็ไม่สามารถไถ่ถอนที่ดินคืน เนื่องจากที่ดินถูกโอนขายเปลี่ยนมือไปแล้ว ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคอีสานและภาคเหนือ
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า ส่วนคดีฟอกเงินจากทุจริตค่าโฆษณา ของบริษัทไร่ส้ม จำกัด ที่นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำคิวโฆษณารวม ในรายการ “คุย คุ้ยข่าว” โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จาก บจก.ไร่ส้ม จำนวน 17 ครั้ง ทำให้บมจ.อสมท เสียหาย 138,790,000 บาท บอร์ดกคพ.ยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ โดยสั่งการให้ดีเอสไอไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเด็นข้อกฎหมายซึ่งอาจเป็นการดำเนินคดีซ้ำซ้อน เนื่องจากคดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว. และมีการชดใช้ความเสียหายให้อสมท.แล้ว