กังขา!! กสทช.เร่งเครื่องประมูลคลื่น 850-1800

กังขา!! กสทช.เร่งเครื่องประมูลคลื่น 850-1800

กังขา!! "กสทช." เร่งเครื่องประกาศเกณฑ์ประมูลคลื่น 850-1800 แถมไฟเขียวบริษัทสื่อสารที่เคยทิ้งงานประมูลเข้าร่วม

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าในการประชุมบอร์ด กสทช.สัปดาห์นี้ สำนักงานกสทช.จะนำเสนอร่างหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่เพื่อออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 4 จีบนคลื่น 900 และ 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) เพื่อรองรับสัมปทานมือถือของดีแทคที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานวันที่ 15 กันยายน 2561 หลังจากคณะกรรมการกลั่นกรองได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยที่ประชุมบอร์ดกลั่นกรองได้มีการซักถามที่มาที่ไปของการจัดทำร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าว รวมทั้งการตั้งราคาประมูลขั้นต่ำที่อิงจากราคาของผู้ชนะประมูลในครั้งก่อน ทั้งที่เป็นราคาที่มีผู้ทิ้งงานประมูลจนสร้างความเสียหายให้แก่รัฐ แต่เลขาธิการ กสทช.ได้ชี้แจงแทนคณะทำงาน โดยยืนยันว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กสทช.กำหนดมาตั้งแต่ต้น

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมบอร์ดกลั่นกรองยังคงแสดงความกังวลต่อกรณีที่เลขาธิการกสทช. ยืนยันว่า จะเปิดกว้างให้บริษัทสื่อสารที่เคยทิ้งงานประมูลเข้าร่วม โดยระบุว่าบริษัทได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว เมื่อบริษัทได้จ่ายค่าปรับแล้วจึงไม่ถือว่าเป็นผู้ทิ้งงานและไม่มีความผิดใดๆ แต่หลักเกณฑ์ดังกล่าวยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในที่ประชุมว่าจะผ่านประชาพิจารณ์หรือไม่ และอาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด กสทช. เนื่องจากอาจถูกมองว่ากสทช.เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทสื่อสารบางราย

รายงานข่าวกล่าวว่า ประเด็นในเรื่องที่กสทช.จะเปิดกว้างให้บริษัทสื่อสารที่เคยทิ้งงานประมูลคือบริษัท แจสโมบาย บรอดแบนด์จำกัด (JAS) เข้าร่วมนั้นได้ สร้างความอึดอัดให้กับบอร์ด กสทช.อย่างยิ่ง จนอาจตีกลับให้กสทช.กลับไปทบทวนประเด็นดังกล่าวใหม่ เพราะเกรงว่าอาจสร้างปัญหาให้กับการประมูลที่จะมีขึ้น เพราะลำพังแค่การที่กสทช.ลงโทษบริษัทที่ทิ้งการประมูลครั้งก่อน ด้วยการริบหลักประกันและปรับบริษัทเพียง 196 ล้านบาท โดยไม่มีการขึ้นแบลกลิสต์ตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุก่อนหน้า ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอยู่แล้ว

เพราะผลพวงจากพฤติกรรมของบริษัทที่เข้ามาป่วนการประมูลในครั้งนั้นได้ทำลายอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจนเกือบไม่มีทางออก จนกสทช.ต้องวิ่งรอกไปขอให้นายกฯในฐานะหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตาม ม.44 ผ่าทางตันและจัดประมูลใหม่ให้ เมื่อกสทช.ยังมาอนุมัติให้ต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ให้กับบริษัทสื่อสารผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต 3 บีบี อันเป็นบริษัทแม่ของแจส โมบาย ด้วยอีก โดยต่อใบอนุญาตให้ถึง 15 ปีจากที่จะสิ้นสุดในปี 2569 เป็นสิ้นสุดปี 2575 ทั้งที่ใบอนุญาตเดิมยังเหลืออีกตั้ง 9 ปีนั้น แวดวงโทรคมนาคมก็พากันกังขากันมากพออยู่แล้ว

"เมื่อ กสทช.ยังเปิดกว้างให้บริษัทที่เคยทิ้งการประมูลเข้าร่วมประมูลได้อีกจึงยิ่งทำให้ผู้คนในแวดวงโทรคมนาคมสิ้นสงสัยหากบริษัทไม่มีแบ็คดี หรือมีผู้ใหญ่ระดับบิ๊กในกสทช.หนุนหลังคงไม่ได้รับการโอบอุ้มมากถึงขนาดนี้ หลายฝ่ายจึงวิพากษ์กันอย่างหนาหูเหตุใดกรณีอื้อฉาวขนาดนี้ หน่วยงาน/องค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องทุจริตทั้งหลายโดยเฉพาะคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)และคณะกรรมการป.ป.ช.ถึงไม่คิดจะล้วงลูกเข้ามาตรวจสอบหรืออย่างไร"