Daily Strategy (8 พ.ย.60)

Daily Strategy (8 พ.ย.60)

มองตลาด Sideways แนะนำ Selective Buy รายหุ้น

ตลาดหุ้นไทยวันนี้: แนวรับ 1,700-1,709 จุด แนวต้าน 1,715-1,724 จุด กลุ่มเด่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้นเด่น SIRI ซึ่งมีข่าวการเข้าซื้อสินทรัพย์ของ PACE กลุ่มพลังงานปิโตรเคมี หุ้นเด่น IVL และ IRPC คาด กลุ่มธุรกิจไฟฟ้า เริ่มลดความร้อนแรงลงเนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่หุ้นเด่น เรายังชอบ CKP แม้คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/60  ออกมาอาจจะไม่เด่น แต่ระยะยาวน่าจะสดใสและยังเป็นหุ้น Undervalued ระยะยาว ส่วนมาตรการ ช็อปช่วยชาติ คาดว่าส่งผลบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ซึ่งหุ้นที่เราคาดว่าได้ประโยชน์เด่นชัดคือ HMPRO ส่วน GLOBAL ราคาอ่อนตัวลงจากที่เคยให้เป้าหมาย 18 บาท น่าจะฟอร์มตัวกลับขึ้นไป

 

หุ้นเด่นวันนี้: TTA (ราคาปิด 9.80 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 13 บาท)

  • TTA มีโอกาสฟื้นตัวในปีนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของค่าระวางเรือและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกที่เพิ่มขึ้น คาด TTA จะรายงานกำไรใน 3Q60 ที่ 520 ล้านบาท ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่กำไร 215 ล้านบาทและช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไร 7 ล้านบาท คาดดัชนีค่าระวางเรือยังอยู่ในขาขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2561 จากความต้องการขนส่งสินค้าแห่งเทกองเติบโตประมาณ 3.0% ในขณะที่ปริมาณเรือเทกองเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% สำหรับธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทมีแนวโน้มเติบได้ดีเช่นกัน คาดว่า TTA จะฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิในปี 2559 ที่ 418 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิในปี 2560 ที่ 1,543 ล้านบาทและปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% ในปี 2561 เป็น 1,761 ล้านบาท
  • Price Pattern ของ TTA ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) อย่างไรก็ตาม Price Pattern ของ TTA จะกลับมาเกิดความแข็งแกร่งระยะสั้นเมื่อสามารถปิดตลาดได้เหนือ 20 บาท จากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ และ Price Pattern ของ TTA จะกลับมาเกิดความแข็งแกร่งระยะกลางเมื่อสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 10.20 บาท จากการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ และ Price Pattern ของ TTA จะเปลี่ยนจากแนวโน้มหลักไปสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เมื่อสามารถปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 9.85 บาท จากการกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TTA มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 11 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 13.40 บาท ตามลำดับ (แนวต้าน: 9.85, 9.90, 10.00; แนวรับ: 9.75, 9.70, 9.55)

ปัจจัยในประเทศ:

  • ครม.ไฟเขียวมาตรการช้อปช่วยชาติตามคาด โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. – 3 ธ.ค. ทำให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลสามารถลดหย่อนรายจ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท (บางกอกโพสต์)
  • คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดเศรษฐกิจปี 61 เติบโต 3.5-4% หนุนโดยการส่งออกที่ดี การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ยังคงประมาณการการเติบโต GDP ปีนี้ที่ 3.7-4% (บางกอกโพสต์/ไทยโพสต์)
  • SIRI:ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกลุ่ม PACE เพื่อการเจรจาซื้อโครงการนิมิต หลังสวนทั้งโครงการ โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 8,000 ล้านบาท และห้องชุดในโครงการเดอะริทซ์ –คาร์ลตัล เรสซิเดนเซส บางกอก 53 ห้อง ในโครงการอาคารชุดมหานคร ส่วนที่ยังขายไม่ได้ จากมูลค่าทั้งโครงการเดอะริทซ์-คาร์ลตัลฯ ที่ มีทั้งหมด 209 ห้อง มูลค่าทั้งหมด 15,900 ล้านบาท ประเมินว่าส่วนที่ SIRI ซื้อไปคิดเป็นเงินราว 3 พันกว่าล้านบาท โดยจะต้องมีการทำ Due Diligence ซึ่งจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน ในการนี้ เราคาดว่า SIRI จะสามารถนำเงินจากการแปลง SIRI-W 2 ซึ่งมีกำหนดการใช้สิทธิในการแปลงสภาพวันสุดท้าย 24 พ.ย. 60 ซึ่งถ้าแปลงสภาพได้หมด SIRI จะมีกระแสเงินสดเข้ามาประมาณ8,500 ล้านบาท เป็นทุนส่วนหนึ่งในการซื้อทั้งสองโครงการ โดยเราให้ราคาเป้าหมาย ที่ 2.64 บาท แนะนำซื้อ
  • KCE :ไตรมาส 3/60 มีกำไร 612 ล้านบาท ลดลง 22%YoYเหตุค่าใช้จ่ายขาย-บริการเพิ่ม ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไร 1.95 พันล้านบาท ลดลง 17% YoYผลประกอบการที่ลดลง โดยหลักเป็นผลจากอัตรากําไรขั้นต้นที่ลดลงจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนขายทองแดง ลามิเนต และ fiberglass ที่เพิ่ม แต่ได้รับการชดเชยจากต้นทุนดอกเบี้ยต่ำลงด้วยเช่นกัน (SET) ราคาเป้าหมายของ KCE ปรับใหม่ลงมาอยู่ที่ 105 บาทต่อหุ้น จากเดิม 128 บาทต่อหุ้น และมอง HANA มีความน่าสนใจกว่า
  • ตลาดหุ้น ‘PE’ พุ่ง เกินค่าเฉลี่ยเอเชีย ตลาดหลักทรัพย์สรุปภาพรวมตลาดหุ้นเดือน ต.ค.2560 ดัชนีเพิ่มขึ้น 9% จากเดือนก่อน ขณะที่ PER พุ่งอยู่ที่ 17.8 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นเอเชียอยู่ที่ 15-16เท่า (ที่มา: Bangkokbiznews) ความเห็น: ตลาดอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรในระยะสั้นทำให้ผันผวนมากขึ้น แต่เรายังคงมุมมองเป็นบวกในระยะยาวจากเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตได้ดี
  • ตลาดหลักทรัพย์ สรุปภาพรวมตลาดหุ้นเดือน ต.ค.2560 ดัชนีเพิ่มขึ้น 9% จากเดือนก่อน ขณะที่พีอีเรโชพุ่งอยู่ที่ 17.8 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นเอเชียอยู่ที่ 15-16 เท่า (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ)

ตลาดต่างประเทศ

  • สหรัฐฯ:ตลาดปิดปรับตัวขึ้น (7 พ.ย.) ดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4S&P500 และ Nasdaqปิดในแดนลบ อันเนื่องมาจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร และตลาดรับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหรือไม่
  • ยุโรป:ปิดลบ (7 พ.ย.) หลังจากบจ.หลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซานักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในสเปนอย่างใกล้ชิด หลังจากสภาหอการค้าสเปนได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP ในปีนี้และปีหน้า อันเนื่องมาจากวิกฤตแคว้นกาตาลุญญา

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • น้ำมันดิบ:ปิดปรับตัวลง (7 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นกว่า 3% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ในประเทศ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนลบ
  • ทองคำ:ปรับตัวลง (7 พ.ย.) ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
  • ค่าระวางเรือเทกอง:ปรับตัวขึ้น 1,477 จุด +4 จุด หรือ +0.27% กลับมาบวกเป็นวันแรกหลังลบติดต่อกันหลายวันทำการวันนี้ เลือก TTA เป็น Pick of the day ด้วย