รวบ 3 ผู้ต้องหา หลอกขายของขลังต่างแดน

รวบ 3 ผู้ต้องหา หลอกขายของขลังต่างแดน

รวบ 3 ผู้ต้องหาหลอกขายวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลังผ่านทางเฟซบุ๊ก อ้างนำเข้าต่างประเทศผ่านพิธีปลุกเสก ตรวจสอบเป็นแค่ไม้ธรรมดา เสียหายกว่า 500 ลบ.

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.แถลงจับกุม น.ส.สุมาลี เลิศวิลัย อายุ 32 ปี นายประจวบ สุนาพจน์ อายุ 34 ปี สองสามีภรรยา และนางพานิตย์ มะลิทอง อายุ 40 ปี ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมของกลาง วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังต่างๆ ที่อ้างว่านำเข้าจากประเทศอินเดีย และเมียนมา ผ่านพิธีการปลุกเสก 7 วัน 7 คืน อาทิ พระพิฆเนศ สาริกา ไม้กฤษณาขาว จี้หยก ข้าวสารสี ธํญพืช หนูมุสิกะ สร้อยหิน และผ้ายันต์ต่างๆ จำนวนหนึ่ง จับกุม น.ส.สุมาลี และนายประจวบ ได้ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ส่วนนางพานิตย์ จับกุมได้ใน อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ว่าถูกผู้ต้องหาทั้งหมด หลอกลวงขายวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ประเภท สาลิกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ จี้หยกหัวใจเศรษฐี ฯลฯ อ้างว่าจะทำให้ร่ำรวย มีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา โดยมีการเสนอข่ายผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก โดยโฆษณาอวดอ้างว่านำเข้าจากประเทศอินเดีย ประเทศเมียนมา เสนอขายให้ราคาสูงนับตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักแสนบาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก จนเกิดมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท แต่ภายหลังกลับพบว่าเป็นเพียงการหลอกลวง

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า ภายหลังได้รับเรื่องและมีการตรวจสอบ พบว่าสินค้าที่มีการนำมาหลอกขาย อาทิ สาลิกาต่างๆ เมื่อส่งให้ทางกรมป่าไม้ตรวจสอบ กลับพบว่าเป็นเพียงไม้ไผ่และพืชตระกูลถั่ว มีแหล่งขายที่ย่านวัดราชนัดดา และท่าพระจันทร์ กทม.รวมทั้งในพื้นที่ จ.ลำปาง ไม่ได้ถูกนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนจี้หยกหัวใจเศรษฐี ส่งตรวจที่กรมทรัพยากรธรณี ก็พบว่าไม่ได้เป็นหยกแท้อย่างที่กล่าวอ้าง ขณะเดียวกัน เมื่อตรวจสอบประวัติ น.ส.สุมาลี ก็พบว่ามีอาชีพเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดใน จ.ภูเก็ต ก่อนจะหันมาจับธุรกิจขายสร้อยหินผ่านทางออนไลน์ และออกอุบายหลอกลวงประชาชนโดยการขายสินค้าดังกล่าว โดยมี นายประจวบ สามี ร่วมกระทำความผิด ส่วนนางพานิตย์ เป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิด จึงรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนติดตามจับกุมตัวทั้งหมดไว้ได้ดังกล่าว

สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ป.รับไว้ดำเนินคดี อย่างไรก็ดี พนักงานสอบสวนมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ว่ามีความแน่นหนามากเพียงพอที่จะเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ และได้เตรียมขยายผลทางคดีโดยหากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงผู้ใดอีกก็จะพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติม ส่วนพฤติการณ์กระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบในรายละเอียด ซึ่งหากพบว่าเป็นความผิดก็จะพิจารณาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย

ด้าน น.ส.ประวีณนุช จันทร์ประเสริฐ อายุ 33 ปี ชาว จ.ภูเก็ต หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2559 ได้พบเห็นเพจเฟซบุ๊ก “สุมาลี เลิศวิลัย” เสนอขายพระพิฆเนศ รุ่นรวยเปรี้ยง ราคา 3,990 บาท แล้วมีความสนใจจึงตัดสินใจซื้อ โดยโอนเงินไปให้ ก่อนที่ น.ส.สุมาลี จะชักชวนให้เป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งตัวแทนจะต้องเปิดห้องพระ และต้องมีองค์บูชาและเครื่องรางให้ครบทั้งหมด ซึ่งต้องจ่ายเงินไปหลายล้านบาท จากนั้นได้เปิดเพจ เปิดช้อป มีหน้าร้านอยู่ที่ จ.ภูเก็ต โดยจะได้ส่วนแบ่งจากการขาย 1,000 บาทต่อองค์ ไม่ว่าองค์พระพิฆเนศนั้นจะราคาเท่าไหร่ก็ตาม ตนจึงชักชวนญาติและคนใกล้ชิดมาซื้อ เมื่อรู้ความจริงภายหลังก็รู้สึกผิด หากเป็นไปได้ก็จะพยายามหาเงินมาคืนให้ได้มากที่สุด โดยตนเป็นตัวแทนขายมาแล้วประมาณ 7 เดือน รวมมูลค่าเสียหากว่า 10 ล้านบาท