หัวใจ“จิตอาสา” พลังภักดีลูกพ่อหลวง

หัวใจ“จิตอาสา” พลังภักดีลูกพ่อหลวง

The Most Admired Bank คือวิสัยทัศน์ของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ส่งผ่านหลายกิจกรรมเพื่อสังคม เช่นเดียวกับงานพระราชพิธีฯของกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของไทย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ธนาคารแห่งนี้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “จิตอาสา” ทำดีเพื่อพ่อ

การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงพสกนิกรชาวไทย นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ อย่างหาที่เปรียบมิได้

โดยเฉพาะช่วงเวลาแห่งความปวดร้าวของคนไทย ในงานพระราชพิธีพระบรมศพฯ ระหว่างวันที่ 26-29 ต.ค.ที่ผ่านมา ทว่านอกจากความโศกเศร้า สิ่งที่เห็นคือการรวมพลังของจิตอาสาทุกหมู่เหล่า เพื่อแสดงความอาลัยรัก ส่งเสด็จพระองค์ฯสู่สวรรคาลัย ผ่านกิจกรรมทางสังคม ในการเตรียมการอำนวยความสะดวกในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

โดยธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB คือหนึ่งในภาคีเครือข่ายสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ รับผิดชอบเตรียมงานพระเมรุมาศจำลองตามราโชบาย ณ สวนนาคราภิรมย์

อารยา ภู่พานิช รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กิจกรรมเพื่อสังคม ภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ เล่าว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้ประชาชนทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมแสดงความอาลัยรัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อย่างสมพระเกียรติ โดย SCB มีทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาร่วมวางดอกไม้จันทน์ และรอชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 1

โดยพระองค์ท่านได้พระราชทานพระราชานุญาตให้จัดตั้ง จิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ขึ้น เพื่อเป็นการรวมพลังความรัก รวมพลังน้ำใจของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ที่จะน้อมถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 

SCB จึงเปิดรับจิตอาสาเป็นพนักงานเป็นจิตอาสา กำลังไปอำนวยความสะดวกตามจุดที่มีพระราชพิธีทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด

“ทันทีที่เราเปิดรับสมัครจิตอาสา พนักงานในธนาคารชวนกันมาสมัครเต็มจำนวนอย่างรวดเร็ว โดยหน้าที่หลักคือการเตรียมอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน ใน 3 วัน คือ 25-27 ต.ค. ทั้งน้ำ อาหาร 7 มื้อใน 3 วัน และช่วยเหลือในทุกด้านเพื่อรองรับประชาชนที่มาร่วมพระราชพิธีฯอย่างล้นหลาม”

พนักงานทุกคนที่เข้ามาสมัครเป็นจิตอาสา มีหัวใจเดียวกันคือต้องการมีส่วนร่วม เพราะยึดถือพระบรมราโชวาท พระราชปณิธาน และพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาของพระองค์ท่าน เป็นเสมือนเข็มทิศในการดำเนินชีวิต ทำให้คนในชาติมีจิตสาธารณะ ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เป็นสิ่งที่ปลูกฝังเป็นวัฒนธรรมองค์กร ที่พนักงานทุกคนมีจิตอาสา สร้างคุณค่าให้ตัวเองและสังคม “อารยา” เผย

“ทุกคนพร้อมใจกันทำงานเพียงแค่เอ่ยปากกุลีกุจอมาช่วย ตั้งแต่จัดรถรับ-ส่งให้กับพนักงานที่มีความประสงค์จะไปร่วมสมัครเป็นจิตอาสาเฉพาะกิจครั้งนี้ ทุกคนมาด้วยใจ ทำคนละไม้ คนละมือ ไม่ว่าจะเป็นงานประชาสัมพันธ์ งานดอกไม้จันทน์ งานรักษาความปลอดภัย งานแพทย์ งานบริการ งานอาหารเพราะ อยากมีส่วนร่วมส่งเสด็จฯเป็นครั้งสุดท้าย”

ดังพระราชดำรัส ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนหนึ่งกล่าวว่า การทำความดี แม้ไม่มีใครชื่นชมยินดี... ก็ต้องทำ การทำความดี แม้ต้องฝืนใจทำ.. ก็ต้องทำ,การทำความดี แม้ไม่มีใครเห็น... ก็ต้องทำ การทำความดี แม้ไม่เห็นผลตอบแทน..ก็ต้องทำ การทำความดี แม้มีเวลาน้อยนิด...ก็ต้องทำ

อารยา หนึ่งในผู้บริหาร SCB ที่ร่วมเป็นจิตอาสา เล่าว่า ยึดถือในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นต้นแบบมาตลอด เห็นพระราชกรณียกิจ และจริยวัตรพระวัตร ที่พระองค์ท่านทรงทำความดี เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย นั่นเป็นแรงบันดาลที่ทำให้อยากเดินตามรอยพระองค์ท่าน

“พวกเรารักพระองค์ท่านจากหัวใจโดยไม่ต้องมีใครมาบอกให้รัก เกิดมา50 ปี เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ซึมซับและเห็นพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างที่คิดถึงประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวมมากกว่าตัวเอง และทำเป็นต้นแบบส่งต่อความจิตสาธารณะให้คนรุ่นหลังที่ไม่มีโอกาสได้เห็นพระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ท่านได้มีโอกาสได้เห็นและร่วมกันสานต่อพระราชปณิธาน” เธอเล่าด้วยน้ำเสียบซาบซึ้งใจ และว่า

สิ่งที่ประทับใจจากการร่วมงานพระราชพิธีฯในฐานะจิตอาสา คือการเห็นชัดเจนว่าทุกคนมาด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียวกันมาด้วยความจงรักภักดีจนประทับใจ สังคมไทยที่งดงาม มีแต่การแบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูล

“ทุกคนมาด้วยหัวใจเดียวกันไม่แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ไม่มีชนชั้น ไม่มีคำว่าเจ้านายหรือลูกน้อง ไม่มีคำว่าข้าราชการ นักธุรกิจ พ่อค้าหรือประชาชน แต่ทุกคนคือประชาชนของพระราชา จิตอาสาเฉพาะกิจทุกคนตระหนักดีว่าทุกงานมีความสำคัญไม่ว่าจะมีใครมองเห็นหรือไม่ และนี่คือโอกาสที่จะได้มาร่วมทำความดีถวาย แม้ช่วงเวลานั้นการเดินทางจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก อากาศจะร้อน ฝนจะตก ทุกคนทำด้วยใจ”

ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทสอนประชาชนคนไทยมาโดยตลอดหลายเรื่อง ล้วนเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของประชาชนและประเทศไทยที่ทำให้ชาติเจริญก้าวหน้าและยั่งยืน

ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกของประเทศ มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด (The Most Admired Bank) มีบทบาทเป็นฟันเฟืองหนึ่งในขับเคลื่อนความเจริญเติบโตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ยังได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 

ความมีเหตุมีผลในการบริหารจัดการธุรกิจ ความพอประมาณในการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีตลอดจนความเชี่ยวชาญและความซื่อสัตย์ เป็นภูมิคุ้มกันให้กับธุรกิจ มาเป็นแนวทางในการกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ

โดยหลักการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้ขยายผลส่งต่อพลังความดี ที่เกิดขึ้นในองค์กร และส่งต่อไปยังลูกค้า สังคม และประเทศชาติ โดยการขยายพลังจิตสาธารณะผ่านหลายโครงการ อาทิ

โครงการพัฒนาเยาวชนและส่งเสริมการเรียนรู้ การส่งเสริมเครือข่ายจิตอาสา การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยโครงการสำคัญ เช่น โครงการ “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” เปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความรู้ ความสามารถและส่งเสริมการมีจิตอาสาให้กับเยาวชนทุกระดับการศึกษาซึ่งดำเนินงานมาถึง 12 ปี

โครงการพัฒนาผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน (Connext ED) โครงการ SCB ชวนกันทำดี โครงการไทยพาณิชย์รวมใจไทยให้โลหิต รณรงค์รับบริจาคโลหิตให้แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยทั้งในยามปกติและเมื่อมีเหตุการณ์จำเป็นเร่งด่วน

โครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนในผืนป่าตะวันตก การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในโอกาสต่างๆ ภายใต้โครงการ “ช่วยผู้ประสบภัยกับไทยพาณิชย์” เป็นต้น โดยการดำเนินการทุกอย่างของธนาคารฯ อยู่บนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อให้บังเกิดผลในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืนสืบต่อไป “อารยา” เล่า

เธอยังย้ำว่า ทุกพระราชดำรัสและคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 หากทุกคนในชาติมามาปฏิบัติในการทำงาน และสืบสานพระราชปณิธานคนในชาติจะรู้หน้าที่ มีจิตสาธารณะ ที่ร่วมกันทำทุกอย่างเพื่อชาติและบ้านเมือง มีความรักความสามัคคีที่พาชาติก้าวไปข้างหน้าและเติบโตได้อย่างยั่งยืนเป็นชาติที่มีมีมรดกทรงคุณค่า ก้าวหน้า และยิ่งใหญ่

“เพียงแค่คนไทยทุกคนได้น้อมนำคำสอนจากพระองค์ท่านมาใช้ทุกคน และลุกขึ้นมาสืบสานพระราชปณิธาน ก็จะเปลี่ยนจากความเสียใจ เศร้าใจ มาเป็นพลังที่ทำให้คนไทยรู้หน้าที่ รู้รัก สามัคคี ทำดีโดยไม่หวังผล ไม่รอให้คนเห็น สิ่งเหล่านี้ช่วยจรรโลงสังคมไทยให้ก้าวหน้า”