Daily Strategy (3 พ.ย.60)

Daily Strategy (3 พ.ย.60)

ตลาดระยะสั้นคาดว่าเป็นโซนลบ

แม้ปัจจัยในต่างประเทศจะออกมาตามที่คาดหวัง ทั้งผลการประชุมเฟด การแต่งตั้งประธานเฟด เป็นบุคคลที่ตลาดคาดหวังและร่างกฎหมายการปฏิรูปภาษีของทรัมป์ รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของอังกฤษอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยต่างประเทศเหล่านี้ไม่ค่อยเอื้อประโยชน์ต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก อีกทั้ง บจ.ในต่างประเทศประกาศงบการเงินออกมามีทิศทางที่สดใสดี แต่ บจ.ไทยมีหลายกิจการที่ประกาศงบการเงินออกมาน่าผิดหวัง เช่น SCC แม้ PTTEP จะประกาศมาขาดทุนน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และ ADVANC ยังประกาศผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น YoYและใกล้เคียงกับตลาดคาด ปัจจัยลบเกี่ยวกับการแข่งขันที่คาดว่ารุนแรงในการประมูลสัมปทานครั้งหน้าของกลุ่มสื่อสาร กดดัชนีหุ้นกลุ่มนี้อ่อนตัวหนักวานนี้ วันนี้ เราจึงเลือกกลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มเด่นที่น่าจะปลอดภัย และ Selective Buy รายตัวที่ราคาอ่อนลงมาน่าซื้อ เช่น ADVANC และเรายังชอบ IVL, BANPU

หุ้นเด่นวันนี้: TMB(Bt2.60; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าของ AWS 2.90 บาท)

  • เราชื่นชอบ TMB จากการที่ธนาคารแสดงสินเชื่อที่เติบโตโดดเด่นถึง 4.3% YTD ณ 9 เดือนแรกของปี ซึ่งเติบโตสูงสุดในกลุ่มธนาคารทั้ง 9 แห่งที่เราศึกษา เราคาดสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/60 หรือเติบโต 7% ณ สิ้นปีนี้ ก่อนเร่งตัวเติบโต 10% ในปีหน้า นอกเหนือจากนั้นแล้ว ธนาคารมีปัจจัยบวกระยะยาวจากการบันทึกค่าธรรมเนียมการเข้าถึงช่องทางการให้บริการของธนาคาร (access fee) จากการต่อสัญญาความร่วมมือกับ บ.เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต เป็นจำนวนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะถูกทยอยบันทึกเป็นระยะเวลา 15 ปี เราคาดกำไรสุทธิของธนาคารจะเติบโต 5.3% ในปี 60 และ 17.0% ในปี 61
  • Price Pattern ของ TMB มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TMB มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 72 บาท และมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 2.94 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ TMB มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 2.50 บาท (Resistance: 2.62, 2.64, 2.66; Support: 2.58, 2.56, 2.54)

ปัจจัยในประเทศ:

  • รองนายกฯ สมคิดสั่งเร่งโครงการลงทุน โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ก่อนที่รัฐบาลจะหมดอายุอีก 1 ปี ซึ่งโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องกับ EEC ที่อยากให้เริ่มต้นได้ภายในปีนี้มี 3 โครงการ ได้แก่ โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 โครงการศูนย์ซ่อมท่าอากาศยานของ บมจ.การบินไทย และโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม. – ระยอง เชื่อม 3 สนามบิน (บางกอกโพสต์)
    • ADVANC(ราคาปิด 50 บาท; ซื้อ; IAA Consensus 212 บาท) ผลประกอบการใน 3Q60 มี EBITDA อยู่ที่ 17,589 ล้านบาท สูงขึ้น 15% YoYและ 2.8% QoQเนื่องจากรายได้ที่เติบโตขึ้นและมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ดีกว่าเดิมโดยที่ ADVANC ยังคงรักษาการเติบโตของรายได้ใน 3Q60 ทั้งในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยรายได้จากการให้บริการ (ไม่รวม IC) อยู่ที่ 32,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.0% YoYและ 0.9% QoQทั้งนี้ ADVANC ยังมีฐานลูกค้าระบบรายเดือนเพิ่มขึ้น 235,300 เลขหมาย แต่ฐานลูกค้าระบบเติมเงินลดลง 522,500 เลขหมาย จากแนวโน้มการย้ายไปใช้งานระบบรายเดือน เนื่องจากแพ็กเกจการใช้อินเทอร์เน็ตที่ดึงดูดกว่าระบบเติมเงินโดยที่ ADVANC ยังมีปัจจัยให้นักลงทุนกังวลในเรื่องของการประมูลคลื่น 900 และ1800 Mhzในเดือน พ.ค.61 ที่ราคาประมูลเริ่มต้น 37,988 ล้านบาท สำหรับคลื่น 900 และ 37,457 ล้านบาท สำหรับคลื่น 1800 ซึ่งการแข่งขันประมูลอาจจะดันราคาขึ้นไปสูง ทำให้ผู้ชนะการประมูลมีต้นทุนที่สูงเกินกว่าที่คาดและจะกดดันกำไรในปีต่อ ๆ ไป ส่งผลให้ราคาหุ้นวานนี้ลดลง 2.85%โดย IAA consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 212 บาท ยังมี upside อยู่ 9.8% โดย AWS ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ ADVANC
    • PTTEP(ราคาปิด 75s บาท; ขาย; ราคาเป้าหมาย 78 บาท) รายงานขาดสุทธิ 8.7 พันล้านบาท ผลจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ 1.8 หมื่นล้านบาท ตามที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว หากหักรายการดังกล่าวออก มีกำไรจากการดำเนินงาน 9.2 พัน ล้านบาท (ดีขึ้น 26% QoQและ ดีขึ้น 108% YoY)และดีกว่า consensus คาดไว้ที่ 7.2 พันล้านบาท ความเห็น: แหล่งต่างประเทศขาดทุนเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะแหล่งมอนทารา ออสเตรเลีย ส่วนที่กำไรคือแหล่งผลิตในประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยไตรมาสนี้ดีขึ้น QoQปริมาณขาย 2.98 แสนบาร์เรลฯ ต่ำลง YoYแต่เพิ่มขึ้น QoQเราคาดการณ์ กำไรทั้งปี 19 พันล้านบาท 9M60 ได้แล้ว 11 พันล้านบาท คาดกำไร 4Q60ที่ 8 พันล้านบาท Outlook เรามองน้ำมันทรงตัว ปรับขึ้นไม่มาก แต่ขาลง Downside Risk มีมากกว่า จึงยังแนะนำขาย PTTEP เป้าหมาย 78 บาท แนะนำซื้อ PTT แทนเป้าหมาย 478 บาท
    • TSTH (ราคาปิด1.01บาท, ซื้อ,IAA’s TP 15 บาท)ในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ (2 พ.ย. 2560) ผู้บริหารมีมุมมองเป็นบวกกับอุตสาหกรรมเหล็ก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (1) จีนส่งออกเหล็กลดลง สร้าง sentiment เชิงบวก (2) โครงการลงทุนภาครัฐที่เริ่มเดินหน้าอีกครั้ง (3) ราคาเหล็กมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณขายในช่วงที่เหลือของปีการเงินบริษัท (ต.ค. 60-มี.ค. 61) เพิ่มขึ้น 5%-8% ทั้งนี้ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ผลิตเหล็กเส้นที่ใช้เศษเหล็กเป็นวัตถุดิบในการหลอม ได้เปรียบผู้ผลิตเหล็กเส้นที่ใช้วัตถุดิบขั้นกลางอย่าง Billet ที่หายากและราคาแพง

     

    ตลาดต่างประเทศ:

    • สหรัฐฯ: ตลาดหุ้นปิดทำนิวไฮ (2 พ.ย.) ขานรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ และได้รับแรงหนุนหลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ขณะที่ค่าเงินสหรัฐฯอ่อนค่าลงเล็กน้อย
    • ยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไป (ตลาดคาดการณ์กันว่าปรับ 1 ครั้ง ในปี 2561 และอีก 1 ครั้งในปี 2563) ภายหลังจากที่ธนาคารกลางมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงหนัก

     

    สินค้าโภคภัณฑ์:

    • น้ำมันดิบ: WTI ปิดขยับขึ้น (2 พ.ย.) หลัง EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมากกว่าคาดการณ์ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกโอเปกให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิต
    • ทองคำ: ปิดขยับขึ้นเล็กน้อย (2 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเสนอชื่อเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธาน(เฟดคนใหม่ แทนเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือน ก.พ.ปีหน้า
    • ค่าการกลั่น: อยู่ที่ 7.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทรงตัว และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาสก่อนที่ 8.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แนะนำหาจังหวะซื้อ TOP, BCP ในช่วงที่ราคาอ่อนตัว เรายังมอง Bullish กับธุรกิจโรงกลั่นในปี 2561 แม้ว่าไตรมาส 4/60 มีแนวโน้มว่าค่าการกลั่นจะอ่อนแอลง QoQ
    • ราคาถ่านหิน: มาแรงมากยืน 100.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เป็นแนวโน้มที่ดีต่อธุรกิจถ่านหิน ยังคงแนะนำซื้อ BANPU มอง Outlook ถ่านหินปี 2561 ยังแจ่มใส และเป็นธุรกิจที่ดันให้กำไร BANPU ปีหน้าดีขึ้นต่อจากการฟื้นตัวในปีนี้