MORNING CALL ACTION NOTES (2 พ.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (2 พ.ย.60)

รอซื้อเล่นรีบาวด์

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อน แกว่งตัวเป็นขาลง กดดันโดนกลุ่ม ENERG แม้มีแรงหนุนจากกลุ่ม BANK ส่วน Fund Flow ยัง net sell โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,714.55 จุด (-6.82 จุด) Volume 6.8 หมื่นลบ. โดย Foreign Net –1,051.21 ลบ.  TFEX Net -3,845 สัญญา ตราสารหนี้ -1,961 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปิดบวกหลังจากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.25% พร้อมกับส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ขณะที่การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 235,000 ตำแหน่ง และดัชนีภาคบริการของ ISM และดัชนีภาคการผลิต PMI ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.7 และ 54.6 ตามลำดับ

-น้ำมันดิบขยับลงหลังEIAเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

+ก.พาณิชย์ เผย CPI เดือน ต.ค.60 โต 0.86%, Core CPI โต 0.58%

+/- Fund Flow ยังผันผวนต่างชาติ Net Sell 6 วันติดต่อกันที่เกือบ 8.4 พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าสู่ 33.09 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือนก.ย. ราว 1.02 แสนสัญญา)

ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากมติเฟดเป็นไปตามที่ตลาดคาด ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่องในช่วงปลายปี แต่ยังมีเรื่อง fund flow ผันผวน   และราคาน้ำมันขยับลง คาดวันนี้ SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,705-1,725 จุด โดยให้รอซื้อเล่นรีบาวด์ที่แนวรับ

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- มาตรการ ช็อปช่วยชาติ CPALL COM7 SYNEX ROBINS HMPRO MAKRO BJC MINT

- ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ 100$/Ton สูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ BANPU

- การปฎิรูปภาษีของสหรัฐ IVL EPG

- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/17 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ BCPG  HARN FTE  ATP30 COMAN XO TPCH SYNEX ASIMAR  JWD  ERW CKP CPN  SPALI

หุ้นแนะนำพิเศษ

SAWAD  (ราคาปิด 71.50 Bloomberg Consensus สูงสุด 80)

  • หลังจากเทนเดอร์ฯหุ้นทั้งหมดของ BFIT ในช่วง 2Q60 บริษัทได้ปรับโครงสร้างใหม่โดยเปลี่ยนสถานะเป็นโฮลดิ้ง ให้ BFIT ทำธุรกิจสินเชื่อรายย่อยแบบไม่มีหลักประกัน และให้บ.ย่อยทำธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกันและสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ทั้งนี้ ในอนาคตบริษัทมีแผนถือหุ้น BFIT เพิ่มเป็น 70% จากปัจจุบัน 35% หนุนผลการดำเนินงานเติบโตจากการควบรวมงบการเงินกับ BFIT
  • 1H60 มีกำไรสุทธิ 1,320 ลดลง 55% กำไร 3Q60 มีแนวโน้มสดใส Bloomberg Consensus คาดกำไร 3Q60 ราว 695 ลบ. + 10% และคาดกำไรปี 60 ราว 6 พันลบ. +31%
  • มีลุ้นเข้าเกณฑ์คำนวณดัชนี MSCI ประกาศ 13 พ.ย.มีผล 1 ธ.ค. 60 ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER 30.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 19 เท่า แต่คาดการณ์กำไรที่เติบโตในปี 60 หนุน Prospect PER ลดลงในอนาคต แนะนำ ซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว

หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก-ตลาด mai : TITLE (ราคา IPO 2.20 บาท)

  • บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาคอนโดมิเนียมเพื่อขายในจังหวัดภูเก็ต ชูประเด็น “อสังหาเพื่อการท่องเที่ยว” ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของหาดราไวย์ ลูกค้าเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติเป็นหลักปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้รวม โดยมีฐานลูกค้าใน 30 ประเทศทั่วโลกในโซนเอเชีย ยุโรปและสหรัฐ
  • ปี 59 มีกำไรสุทธิ 91 ลบ. โต 790%YoY ในช่วง 1H60 มีกำไรสุทธิ 17 ลบ. ลดลง 61.7%YoY
  • เงินทุนที่ได้จากการเสนอขาย IPO จำนวน 264 ล้านบาท นำไปใช้พัฒนาโครงการ The Title Residencies Naiyang Phuket ประมาณ 200 ล้านบาท และอีกประมาณ 64 ล้านบาท ใช้ในการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการในอนาคต
  • ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 13.75 เท่า เทียบกับกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP) ใน SET ซึ่งมี PER เฉลี่ยอยู่ที่ 18.16 เท่า

 

หุ้นมีข่าว   

Analyst Meeting SCB (ราคาปิด 146.5 Bloomberg Consensus 164.84)

Ø  ผู้บริหารยืนเป้าสินเชื่อเติบโต 4-6% โดยมีตัวขับเคลื่อนจากสินเชื่อธุรกิจ (+4.6%YTD) และสินเชื่อรายย่อย (+3.2%YTD) 9M60 สินเชื่อ +2.8%YTD ด้านคุณภาพสินทรัพย์ %NPL ที่เท่ากับ 2.75% แม้ปรับขึ้นจาก 2.65% ในไตรมาสที่แล้ว แต่ต่ำกว่าระดับ 2.85% ใน 3Q59 ทั้งนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สูญพิเศษเพิ่มขึ้นทำให้ภาพรวมกำไร 3Q60  -12.2%YoY -15%QoQ สู่ระดับ 10,103 ลบ.แต่ช่วยให้ Coverage Ratio ปรับขึ้นสู่ 136% สูงกว่า ระดับ 129% ใน 3Q59  ทั้งนี้ผู้บริหารได้เปิดเผยถึงแผนลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สร้างความพึงใจให้กับลูกค้าทำให้แนวโน้ม Cost to Income Ratio ปรับเพิ่มขึ้นในปีหน้า (3Q60 = 42% 3Q59 = 37%)

Ø  ความเห็น  ฝ่ายวิจัยประเมินว่าปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวของ SCB ยังดีจากการเป็นแบงก์ใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  งบลงทุนไอทีที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตราส่วน Cost to Income Ratio ที่จากเดิมต่ำกว่ากลุ่มปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับกลุ่ม Bloomberg คาดกำไรปี 60 ราว 4.67 หมื่นลบ. -2%

Ø  (-)SCC เผย Q3/60 กำไร 11,836 ลบ.ลดลง 16% จาก Q3/59 แม้รายได้โต 7% โดยมีการตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี จำนวน 1,800 ล้านบาท ประกอบกับส่วนต่างราคาของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง

Ø  THCOM (ราคาปัจจุบัน 13.10 บาท Bloomberg Consensus 18.42 บาท) จากประเด็นดาวเทียมไทยคม 7 - 8 ที่ปัจจุบัน INTUCH เป็นผู้ถือใบสัญญา และ THCOM เป็นผู้ประกอบการภายใต้สัญญา มีคำสั่งจากกระทรวงดิจิทัลฯ ให้ปรับประเภทสัญญาจากระบบใบอนุญาตฯ (License) ไปเป็นระบบสัมปทาน เกิดเป็นความเสี่ยงต่อ THCOM อย่างมาก ที่อาจจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจาก 5.75% ของรายได้ เป็นสูงกว่า 20% ของรายได้ ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เนื่องจาก THCOM ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวนั้น ล่าสุด กสทช.ให้ความเห็นว่า THCOM มีหน้าที่ปฏิบัติตามสัญญาระบบในอนุญาตฯต่อไปให้ครบถ้วน ไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม แต่ไม่ได้ระบุเรื่องสัญญาสัปทานกับกระทรวงดิจิทัลฯ ว่าหากอยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาตฯแล้วสัญญาสัมปทานยังอยู่หรือไม่ แต่ทั้งนี้ ปัจจุบันทาง กสทช.กำลังอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายเรื่องระบบใบอนุญาตใหม่ โดยมีเนื้อความที่สำคัญเปลี่ยนไป อาทิ เขียนให้เก็บค่าธรรมเนียมได้มากขึ้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ธ.ค. 60

Ø  ทั้งนี้ แม้ราคาหุ้นของ THCOM ได้มีการปรับตัวลดลง นับตั้งแต่ได้รับหนังสือคำสั่งจากกระทรวงดิจิทัลฯตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. 60 ไปกว่า 24% แล้ว แต่ข้พิพาทยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีทางออกไปทางใด กอปรกับการแก้กฏหมายระบบใบอนุญาตใหม่ ที่ระบุเรื่องการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเป็นสำคัญ เป็นประเด็นกดดัน Upside ของราคาหุ้นอยู่ อีกทั้งล่าสุด กำไร 3Q60 หดตัว 85.2% YoY มาที่ 65 ล้านบาท แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น THCOM ไปก่อน โดยติดตามประเด็นข้อพิพาทอย่างใกล้ชิด

Ø  THANI (ราคาปิด 9.25 Bloomberg Consensus 7.83) ภาพรวมธุรกิจในอนาคตจะยังคงห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลักๆ คาดจะได้รับอานิสงส์จากปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยทำให้ธุรกิจการให้บริการและบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งคาดจะได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจรับเหมาต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าจากภาครัฐมีแผนลงทุนในอนาคต รวมถึงกฎเกณฑ์ใหม่ๆ สำหรับการขนส่งรถบรรทุก ทำให้บริษัทรับเหมามีแนวโน้มที่จะต้องเตรียมการซื้อรถบรรทุกเพื่อรองรับงานในอนาคต  นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลดต้นทุนทางการเงินด้วยการทำ refinance  เพื่อเตรียมรุกธุรกิจลีสซิ่งในตลาดบนซึ่งคาดจะเริ่มเห็นความชัดเจนในปีหน้า

Ø  ความเห็น เป็นมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตในอนาคต Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 60 ราว 1.1 พันลบ. +24% 9M60 มีกำไรสุทธิ 805 ลบ. +25%YoY ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 23 เท่าสูงกว่ากลุ่มที่ระดับ 19 เท่า แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว

Ø  (+) D (ราคาปิด 9.10  ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.22) ผู้ถือหุ้นอนุมัติงบลงทุนกว่า 450 ล้านบาท สร้างโรงพยาบาลทันตกรรมย่านเพลินจิต เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติและลูกค้าคนไทยระดับบน คาดเปิดให้บริการได้ในต้นปี 2562

Ø  ความเห็น เป็นการต่อยอดฐานรายได้และผลการดำเนินงานในอนาคต รวมทั้งตอกย้ำแบรนด์พรีเมี่ยมในการให้บริการด้านทันตกรรม สำหรับกำไร เราประมาณการกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 50 ล้านบาท +19%

Ø   (+) PLE (ราคาปิด 1.52 Bloomberg Consensus 2.30) แจ้งว่าบมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ชำระเงินค่าหุ้นบจ.บำรุงเมืองพลาซ่า (BMP) ซึ่งผู้ดำเนินศูนย์การค้า SOHO จำนวน 2,100 ลบ.แล้ว

Ø  ความเห็น ดีลนี้ช่วยลดภาระขาดทุนปีละ 100 ล้านบาทจากผลการดำเนินงานของศูนย์การค้า SOHO รวมทั้งได้รับเงินสดมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและชำระหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ  ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 10 เท่า ต่ำกว่า PER กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ระดับ 40.5 เท่า โดยราคาหุ้นปรับลดลงจากเดือนที่แล้ว 12% แนะนำ ซื้อเก็งกำไร

Ø  (+)NOK เผยผลขายหุ้นเพิ่มทุน RO ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท หมดเกลี้ยง รับเงิน 1.7 พันลบ.ตามคาด