MORNING CALL ACTION NOTES (31 ต.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (31 ต.ค.60)

ฝรั่งยังสองจิดสองใจกดตลาดฯ

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อน ผันผวนแรงแดบลบช่วงเช้าก่อนมาปิดบวกช่วงเย็น นำโดยกลุ่ม ENERG จากราคาน้ำมันฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ Fund Flow ยัง net sell โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,718.66 จุด (+2.63 จุด) Volume 6.32 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -3,192.61 ลบ.  TFEX Net +2,688 สัญญา ตราสารหนี้ -4,664 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

-ดาวโจนส์ปรับตัวลดลง จากความกังวลต่อมาตรการการปรับลดอัตราภาษี บจ. ของสหรัฐฯที่จะปรับใช้ช้ากว่าคาด 

+ราคาน้ำมันดิบยังยืนอยู่ในระดับสูงจากการคาดการณ์การรายงานตัวเลข
สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่จะปรับตัวลดลง 1.48 ล้านบาร์เรล หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียออกมาประกาศให้การสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า

+สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2552

+สหรัฐเผยดัชนี PCE พื้นฐานขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2%

+ สศค.ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 60 เป็นโต 3.8% ปี 61 ขยายตัว 3.8%

+/- Fund Flow ยังผันผวน ต่างชาติ Net Sell 3 วันติดต่อกันที่เกือบ 3.2พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าสู่ 33.19 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือนก.ย. ราว 1.02 แสนสัญญา)

** 31 ต.ค. – 1 พ.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ตลาดคาดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม

ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยลบจากตลาดหุ้นสหรัฐสะท้อนความกังวลต่อมาตรการการปรับลดอัตราภาษี บจ. ของสหรัฐฯที่จะปรับใช้ช้ากว่าคาด  กอปรกับ fund flow ที่ยังผันผวน และค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า แต่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันทรงตัวสูงเล็กน้อย  คาดวันนี้ SET จะอ่อนตัวในกรอบ 1,707-1,725 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ 99.4$/Ton สูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ BANPU

- การปฎิรูปภาษีของสหรัฐ IVL EPG

- กลุ่มโรงกลั่นคาดกำไร Q3/17 เติบโต

- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/17 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ PTTGC TOP IRPC BCP BCPG  HARN FTE  ATP30 COMAN XO TPCH SYNEX ASIMAR  JWD  ERW CKP CPN

หุ้นแนะนำพิเศษ

ILINK (ราคาปัจจุบัน 15.40 บาท Bloomberg Consensus 18.23 บาท)

  • AOT เปิดเผยผลการประมูลงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งได้ผู้ชนะการประมูล คือ นิติบุคคลร่วมทำงาน IRTV (เป็น JV ที่มี ILINK ถือหุ้นราว 40 - 50%) รวมมูลค่างานทั้งสิ้น 2.99 พันลบ. โดยจะมีการเข้าเซ็นสัญญาภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผลการประมูลดังกล่าว เป็นการประมูลครั้งที่ 3 ภายหลังจากมีการเลื่อนการประมูลมาตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย. 59
  • การเข้ารับงานใหม่ดังกล่าว จะช่วยเพิ่ม Equity Backlog แก่ ILINK ราว 1.4 - 1.5 พันลบ. จากปัจจุบันที่บริษัทมีอยู่ที่ 1.56 พันลบ. (สิ้น 2Q60) โดยจะรับรู้รายได้ดังกล่าวจนถึงเดือน พ.ย. 62 ทั้งนี้ หากพิจารณาผลกำไรส่วนเพิ่มแก่บริษัท อิงอัตรากำไรสุทธิย้อนหลังของ ILINK ที่ราว 7 - 8% จะได้ กำไรต่อหุ้นที่ 0.27 บาท โดยคิดเป็นมูลค่าเพิ่มแก่ราคาหุ้นราว 3 - 4 บาท (อิง PER ที่ 10 - 15 เท่า) มูลค่าพื้นฐานอิง Bloomberg Consensus อยู่ที่ 18.23 บาท แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"

หุ้นมีข่าว   

Analyst Meeting : KBANK (ราคาปิด 220 Bloomberg Consensus 223.07)

Ø  บนสมมติฐาน GDP ปี 61 3.7% ผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5-7% ในปี 61 สูงกว่าปี 60 ที่ระดับ 4-6% โดยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐส่งผลให้ภาคเอกชนมั่นใจและต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยว ด้านคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มปรับดีขึ้นทำให้เป้า %NPL ทรงตัวที่ 3.3-3.4% และใกล้กับระดับ 3.3% ณ ปลาย Q3 จากการประเมินว่าระดับ NPL ได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว ทำให้ credit cost มีแนวโน้มลดลงเหลือ 185 bps จากระดับ 233 bps ในช่วง 9M60  (ตามเอกสารแนบ)

Ø  ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวของ KBANK จากการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้การปล่อยสินเชื่อเร่งตัวขึ้น และคาดว่าผลการดำเนินงานยังเติบโต  Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 4.39 หมื่นลบ. +14% ฝ่ายวิจัยคาดว่า consensus มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการดังกล่าวจากการลดสมมติฐานคชจ.สำรองหนี้สูญ แนะนำ ซื้อ

Ø  SPRC (ราคาปัจจุบัน 17.80 บาท Bloomberg Consensus 17.96 บาท) แจ้งว่าการซ่อมบำรุงหน่วยแตกโมเลกุลด้วยตัวเร่งปฏิกริยา (RFCCU) ในเดือนต.ค.เป็นเวลา 20 วันดำเนินการเสร็จแล้ว บริษัทคาดว่าการซ่อมบำรุงครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นจากการกลั่นประมาณ 18 ล้านเหรียญสหรัฐ (หลังภาษี)

Ø  ความเห็น เราคาดว่าการหยุดซ่อมบำรุงดังกล่าวจะส่งผลให้ผลประกอบการใน 4Q60 (กำไรปกติต่อไตรมาสอยู่ที่ 1.5-2 พันล้านบาท) ให้อ่อนตัวลงราว 30-40% นอกจากนี้ผลประกอบการใน 4Q60 ยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวลง 9%QoQ สู่ระดับ 8.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามราคาน้ำมันสำเร็จรูปทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลง

  • (+) HMPRO (ราคาปิด 13 ราคาเหมาะสม IAA consensus สูงสุด 15) แจ้ง 3Q60 มีกำไรสุทธิ 1,183 ลบ. +25% ทรงตัว QoQ ใกล้เคียงกับประมาณการเฉลี่ยของ Bloomberg Consensus ที่ราว 1,134 ลบ. ในช่วง 9M60 มีกำไรสุทธิ 3,360 ลบ. +20%
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ HMPRO จากการเติบโตของยอดขายต่อเนื่องตามการเปิดตัวของสาขา การควบคุมคชจ.ที่ทำได้ดีทำให้การเติบโตของกำไร 9M60 ที่ 20% สูงกว่าการเติบโตของยอดขายที่เติบโตเพียง 5% ทั้งนี้ใน Q4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกปีจากการจัดงาน Homepro Expo ทำให้กำไร 4Q60 มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดรายไตรมาส Bloomberg คาดกำไรปี 60 ราว 4,652 ลบ. +13% แนะนำ ซื้อ
  • AOT คาดจำนวนผู้โดยสารงวดปี 60/61 เติบโต 5% จากงวดปี 59/60 เติบโตราว 7.7%  คาดเปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิกว่า 2 หมื่นตร.ม.ใน ก.พ.61-รู้ผล เม.ย.61