Daily Strategy (31 ต.ค.60)

Daily Strategy (31 ต.ค.60)

KBANK จุดประเด็นให้กลับมีมุมมองกลุ่มธนาคารดีขึ้นในปีหน้า

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนสูง เป็นภาวะกลัว ๆ กล้า ๆ กังวลกับผลประกอบการไตรมาส 3/60 ที่อาจจะออกมาน้อยกว่าคาดการณ์  แต่วันนี้น่าจะเริ่มเห็นแรงซื้อในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังจาก KBANK มีประชุมนักวิเคราะห์ และส่งสัญญาณบวกต่อแนวโน้มการตั้งสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ลดลงนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 เพิ่มขึ้น ราว 5% ทำให้กำไรในปี 2561 เติบโต 17%YoY เราคาดว่าทิศทางของผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์อื่นก็น่าจะกลับมาดีด้วยแนะนำกลุ่มธนาคารเป็นหลักในวันนี้ ชอบ KBANK, SCB, BBL, TCAP

หุ้นเด่นวันนี้: KBANK (ราคาปิด 220.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าของ AWS 248.00 บาท)

  • KBANK ได้ประกาศเป้าหมายทางการเงินสำหรับปี 61 เมื่อวานนี้ โดยหลักๆ จะเป็นประมาณการสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อเฉลี่ย (credit cost) ที่ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 185 bps จากระดับที่สูงกว่า 200 bps ในช่วงปี 59-60 ทำให้เรามองการปรับลดดังกล่าวเป็นเซอร์ไพรส์เชิงบวก ซึ่งบ่งบอกว่าธนาคารมีแรงกดดันลดลงในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ เราได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ขึ้น 5% อยู่ที่ 4.33 หมื่นล้านบาท (+17% YoY) นอกจากนี้ เราได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 248 บาท และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ”
  • Price Pattern ของ KBANK มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KBANK มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 227 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ KBANK สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 227 บาทได้สำเร็จ นี่จะเป็นการบ่งบอกถึงการทำ New High โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 250 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 278 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ KBANK มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 209 บาท (Resistance: 223.00, 226.00, 233.00; Support: 217.00, 214.00, 207.00)      

ปัจจัยในประเทศ:

  • FPO ปรับประมาณการ GDP ขึ้นเป็น 3.8%สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ปรับปรุงการคาดการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรมให้อยู่ที่ระดับ 6-4% โดยเฉลี่ย 3.8% เพิ่มขึ้นจาก 3.6% ในเดือนก่อนหน้า โดยการปรับประมาณการขึ้นอ้างอิงจากการคาดการณ์อัตราการเติบโตของการส่งออกใหม่ที่ 8.5% ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 4.7% (บางกอกโพสต์)
  • PSL รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/60 ขาดทุน 174 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/2560 ขาดทุน 5 ล้านบาท และช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 860 ล้านบาท แย่กว่า Consensus เนื่องจากคาดว่าจะเริ่มมีกำไรครั้งแรกในไตรมาสนี้ สาเหตุหลักเกิดจาก (1) PSL ได้แพ้ข้อพิพาทกับอู่ต่อเรือ Sunfuทำให้บริษัทตัดสินใจบันทึกดอกเบี้ยและค่าใช้จ่าย 102 ล้านบาท (2) เกิดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องในคดี 49 ล้านบาท และ (3) ค่าระวางเรือของ PSL ที่ปรับขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้โดยค่าระวางเรือเฉลี่ยของ PSL ในไตรมาสนี้เท่ากับ 9,339 เหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำเรือ เพิ่มขึ้นเพียง 2.1% QoQต่ำกว่าดัชนีค่าระวางเรือ BDI เฉลี่ยในไตรมาส 3 ที่ 1,252 จุด ที่ปรับเพิ่มขึ้น 23%QoQ ทั้งนี้หากหักรายการพิเศษต่างๆ บริษัทจะขาดทุนปกติ 17 ล้านบาทความเห็น เรามองว่าด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เป็นบวกต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่มีแนวโน้มเติบโตเร็วกว่าอุปทานในระยะ 2 ปีข้างหน้า คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 15.50 บาทต่อหุ้น หากราคาปรับลงมาเป็นโอกาสซื้อ

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • สหรัฐฯ:ตลาดหุ้นปิดปรับตัวลง (30 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐอาจดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยนายพาวเวลเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบ ซึ่งสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของนางเจเน็ต เยลเลน รวมทั้งการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้
  • ยุโรป: ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากวิกฤตการณ์ด้านการเมืองในสเปนเริ่มคลี่คลายลง รัฐบาลสเปนได้เข้ายึดอำนาจการปกครองในแคว้นกาตาลุญญา พร้อมกับปลดนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญาออกจากตำแหน่ง

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวก (30 ต.ค.) ได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก จะตกลงขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย.นี้
  • ราคาถ่านหิน: ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมายืน 99.40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ขณะที่หุ้น ITMG’J ในอินโดนีเซียปิดบวกมากถึง 4.23% หรือ +900 รูเปียห์ มาที่ 22,175 รูเปียห์
  • ค่าระวางเรือเทกอง: ลดลง 12 จุด มาที่ 1,534 จุด หรือ -0.78%Outlook โดยรวมมองเป็นขาขึ้น แต่ Sentiment ระยะสั้นไม่ค่อยดี หลังจาก PSL ประกาศงบการเงินออกมาในไตรมาส 3/60 มีผลขาดทุนจากรายการพิเศษจากการแพ้คดีอู่ต่อเรือ มีค่าชดเชยและค่าทนายความรวม 151 ล้านบาท แต่ค่าระวางเรือเฉลี่ยของ PSL ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 2.2%QoQ ขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือเทกองเพิ่มขึ้น 23% QoQ