นักอ่านสะสมหนังสือ”พ่อหลวง”งานบุ๊คเอ็กซ์โป

นักอ่านสะสมหนังสือ”พ่อหลวง”งานบุ๊คเอ็กซ์โป

การจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ (Book Expo Thailand 2017) ครั้งที่ 22 โดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย

 ปีนี้ได้น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อวงการหนังสือไทย จัดนิทรรศการ “ความท๙งจำ” ที่สุดแห่งความประทับใจ

นำเสนอพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผ่านหนังสือ พระราชนิพนธ์และหนังสือที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์กว่า 7 ทศวรรษ ดังพระบรมราโชวาทว่า หนังสือนั้นเป็น“สิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้”

พร้อมทั้งจัดงานด้วยแนวคิด “ความทรงจำ”  จำหน่ายหนังสือราคาพิเศษกว่า 1 ล้านเล่ม  กิจกรรมอ่าน-เขียนจากสำนักพิมพ์ 389 ราย รวมทั้งสิ้น 939 บูธ บนพื้นที่กว่า 2 หมื่นตร.ม.ระหว่างวันที่ 18-29 ต.ค.2560 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่ามหกรรมหนังสือฯ ครั้งนี้จัดขึ้น ภายใต้แนวคิดและถ่ายทอดผ่านนิทรรศการในชื่อ “ความท๙งจำ” โดยการสนับสนุนจาก กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กรมศิลปากร และสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำหนังสือ ประสานความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อวงการหนังสือของไทย ผ่านหนังสือพระราชนิพนธ์ และหนังสืออื่นๆ ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ 

ด้วยความตระหนักว่า หนังสือเป็น “สิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้” สมดังพระบรมราโชวาทที่ได้พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ 25 พ.ย.2514 ว่า “หนังสือเป็นการสะสมความรู้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นคล้าย ๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้"

ตลอด 7 ทศวรรษที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงให้ความสำคัญกับหนังสือในฐานะเครื่องมือในการส่งต่อและสร้างสรรค์ความรู้แก่มวลมนุษยชาติ ดังที่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงผูกพันกับหนังสือเป็นอย่างมาก มีข้อเขียนในรูปแบบต่างๆ ทั้ง หนังสือ บทความ เพลงพระราชนิพนธ์ การแปล และการสร้างสรรค์อื่น เช่น ภาพถ่าย จิตรกรรม การประดิษฐ์ตัวพิมพ์ 

พร้อมทั้งการสนับสนุนให้จัดทำหนังสือสร้างสรรค์ความรู้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดทำสารานุกรมสำหรับเยาวชน การแปลคัมภีร์ทางศาสนามาเป็นภาษาไทย ได้แก่ พระไตรปิฎก และพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน การสนับสนุนการศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ

ไฮไลท์ของนิทรรศการ  คือการนำ นิตยสาร“วงวรรณคดี” ฉบับเดือน ส.ค.2490 ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับพระบรมราชานุญาตพิเศษให้ตีพิมพ์ พระราชนิพนธ์เรื่อง “เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิตเซอร์แลนด์” ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องแรกเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ มาจัดแสดงร่วมกับหนังสือพระราชนิพนธ์เล่มอื่นๆ หนังสือที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอด 7 ทศวรรษในรัชสมัยของพระองค์ โดยเนื้อหาของนิทรรศการแต่ละทศวรรษจะแสดงได้ถึงประวัติศาสตร์โดยรวมของสังคมไทย ผ่านความทรงจำของเรื่องเล่าในตัวอักษร ทั้งจากหนังสือพระราชนิพนธ์และหนังสืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในนิทรรศการฯ ยังได้จัดแสดง สิ่งพิมพ์และของที่ระลึกต่างๆ ที่จัดทำขึ้นหลังวันสวรรคต 13 ต.ค.2559 จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่รวบรวมหนังสือและสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาแสดงให้ชมมากที่สุดอีกด้วย

 นอกจากนี้ได้ร่วมกับหลายหน่วยงานจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึก เพื่อแจกในมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ โดยสำเนาหนังสือ “วงวรรณคดี” ฉบับเดือน ส.ค.2490 ซึ่งจำลองทั้งรูปเล่มและขนาดเหมือนต้นฉบับ แจกให้กับผู้ร่วมงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงถ่ายภาพคู่กับโปสเตอร์ “ความท๙งจำ” ซึ่งติดอยู่ภายในงานมหกรรมหนังสือ โพสต์ลงเฟซบุ๊ค ตั้งค่าสาธารณะ พร้อมแฮซแท็ก #ความท๙งจำ และ #bookthai จากนั้นนำมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ ณ บูธนิทรรศการภายในงาน 

พร้อมกันนี้ได้จัดทำของที่ระลึก “ที่คั่นหนังสือแห่งความท๙งจำ” ที่ออกแบบเป็นพิเศษโดยนักออกแบบชื่อดัง 9 แบบ เพื่องานมหกรรมหนังสือฯในครั้งนี้ จำหน่ายในราคาชิ้นละ 99 บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะมอบให้กับศิริราชมูลนิธิ เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานจำนวนมาก 

สุชาดา กล่าวว่าการจัดงานมหกรรมหนังสือฯ ตลอดช่วง 10 วันที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก โดยผู้ร่วมงานต้องการมาร่วมน้อมถวายอาลัยพ่อหลวง  มาดูนิทรรศการในงาน พร้อมดูหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ท่าน 

“ในนิทรรศการเรามีให้เขียนใบถวายความอาลัย ทุกคนก็อยากมาเขียนข้อความถึงพระองค์ท่าน” 

ช่วง 10 วันของการจัดงาน พบว่าหนังสือที่เกี่ยวข้องกับในหลวงรัชกาลที่9 มีคนมาเดินตามหาเพื่อนำไปสะสมจำนวนมาก เหมือนเป็นโอกาส เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนอยากเก็บสะสมเรื่องราวดีๆ ของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระราชกรณียกิจ ประวัติของพระองค์ท่าน  รวมทั้งหนังสือรวมพระบรมราโชวาท หลักการทรงงาน และหนังสือเกี่ยวกับพระเมรุมาศ

สำหรับสุดสัปดาห์นี้ เป็นช่วง 2 วันสุดท้ายของงาน เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก เพราะหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ วันที่ 26 ต.ค. ประชาชนต้องการมาเก็บความทรงจำเกี่ยวกับพ่อหลวงผ่านหนังสือ ที่ทุกสำนักพิมพ์ได้สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ และนับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ทำให้นักอ่านที่ได้นำวิธีคิด หลักคิดของพระองค์ท่านไปสานต่อ

ปีนี้มีหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ท่านที่เปิดตัวในรอบนี้ประมาณ 200 ปก จากสำนักพิมพ์ต่างๆ ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ร่วมชมงาน

งานมหกรรมหนังสือฯ ปีนี้เดิมวางเป้าหมายผู้ร่วมงานอยู่ที่ 1.5 ล้านคน  แต่จากความต้องการของประชาชนที่ต้องการเก็บความทรงจำผ่านหนังสือที่เป็นเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่9 ในทุกแง่มุม รวมทั้งการจัดนิทรรศการ “ความท๙งจำ” และการจัดเวทีเสวนาเรื่องราวในมุมต่างๆ เกี่ยวกับพ่อหลวง  ดังนั้นเชื่อว่าจะมีผู้ร่วมงานสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

โดยสุดสัปดาห์นี้ ในเวทีเสวนา วันเสาร์ที่ 28 ต.ค. เวลา 13.00-14.00 น. หัวข้อ “เรื่องหลังภาพ...ด้วยรักตราบนิรันดร์” เจาะลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นแสตมป์ที่ระลึก พระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ส่วนเวลา 18.00-19.00 น. หัวข้อ ๙ วัน ๙ ความทรงจำ ธ สถิตอยู่ในใจไทยนิรันดร์ โดยทีมหนังสืออินดี้ The Visionary ถอดรหัสกษัตริย์ผู้มองเห็นอนาคต  และวันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค. เวลา 18.00-19.00 น. หัวข้อ ๙ วัน ๙ ความทรงจำ ธ สถิตอยู่ในใจไทยนิรันดร์ โดยทีมหนังสือขายหัวเราะ ฉบับรอยยิ้มของพระราชา  ซึ่งจะเป็นมุมมองคนรุ่นใหม่ที่น้อมนำพระราชดำรัส มาใช้เป็นหลักคิดในการสร้างสรรค์งาน

“ประชาชนและนักอ่านที่มาร่วมงานปีนี้  เริ่มต้นด้วยการชมนิทรรศการ  จากนั้นจะเดินดูบูธของสำนักพิมพ์ต่างๆ เพื่อเก็บสะสมหนังสือเกี่ยวกับพ่อหลวง ปีนี้พบว่ามีกลุ่มสูงวัย ที่ให้ลูกหลานพามาร่วมงานจำนวนมาก เพื่อมาตามเก็บหนังสือในหลวงรัชกาลที่9” 

สุชาดา กล่าวว่างานมหกรรมหนังสือฯ ปีนี้ คาดว่าเมื่อจบงานจะมีผู้เข้าร่วมชมงาน 1.8 ล้านคนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีโอกาสที่จะสูงถึง 2 ล้านคน  จากความต้องการของประชาชนที่ต้องการเก็บสะสมหนังสือเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้เป็นความทรงจำ