‘ร่มโพธิ์' ชูจุดเด่นอสังหาท่องเที่ยว

‘ร่มโพธิ์' ชูจุดเด่นอสังหาท่องเที่ยว

ชูจุดเด่น "อสังหาท่องเที่ยว" ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หวังโตก้าวกระโดด

เมื่อเอ่ยถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนมักให้ความสำคัญคือ ยอดขาย, ยอดขายรอการรับรู้รายได้, อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ, กำลังซื้อ, สภาวะเศรษฐกิจโดยรวม, หนี้สินรวม, เงินทุนหมุนเวียน และสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ซึ่งในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ข้อมูลด้านหนี้สินและหนี้เสียของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ถูกจับตามองมากขึ้น 

“เราไม่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวพันกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ หนี้เสียของภาคธนาคาร และอัตราเงินเฟ้อต่างๆ เลย เพราะยอดขายส่วนมากของเรามาจากผู้บริโภคต่างประเทศ ปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของบริษัท คือภาพรวมการท่องเที่ยว” ศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว กรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ สายงานวางแผนและควบคุม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) TITLE เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจ

ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีลูกค้าหลักเป็นลูกค้าต่างประเทศ ทำเลหลักในการปักหมุดพัฒนาโครงการอยู่ที่จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย และติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น A Must ระดับโลก 

ศศิพงษ์กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าบริษัท 80% เป็นลูกค้าต่างประเทศที่กระจายทั่วโลก อีก 20% เป็นลูกค้าในประเทศ ซึ่งในอนาคตก็น่าจะคงสัดส่วนอยู่เช่นนี้ เนื่องจากบริษัทถูกออกแบบเชิงโครงสร้างให้รองรับความต้องการลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก เพราะจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้ง 

อสังหาริมทรัพย์สำหรับนักท่องเที่ยวเป็นแก่นธุรกิจของร่มโพธิ์ ซึ่งนอกจากจะทำให้พอร์ตลูกค้าโดดเด่น และมีเสถียรภาพแล้ว ยังส่งผลเชิงบวกไปถึงการรับรู้รายได้และความสามารถในการทำกำไร

ในส่วนของการรับรู้รายได้ การที่บริษัทมีลูกค้า 80% เป็นชาวต่างชาตินั้น ทำให้รับรู้รายได้ช่วงพรีเซลในสัดส่วนที่สูง โดยร่มโพธิ์วางนโยบายเรียกเก็บเงินมัดจำสูงถึง 75-90% ของมูลค่าโครงการ (ขึ้นอยู่กับโครงการ) ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อย่างชัดเจน

ดังนั้น ฤดูกาลที่ร่มโพธิ์จะมียอดรับรู้รายได้สูง จึงเป็นช่วงเปิดขายโครงการ ขณะที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ จะมียอดรับรู้สูงในช่วงที่มีการโอนเกิดขึ้น และเมื่อรับรู้รายได้เข้ามาเร็ว จึงส่งผลให้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทมีเสถียรภาพ และสามารถหล่อเลี้ยงโครงการที่กำลังพัฒนาได้

‘ร่มโพธิ์\' ชูจุดเด่นอสังหาท่องเที่ยว

ในส่วนของความสามารถในการทำกำไร ข้อมูลจากไฟลิ่งที่บริษัทยื่นต่อสำนักงานก.ล.ต. ระบุว่า อัตรากำไรขั้นต้นงวด 6 เดือน ปี 2560 มีอัตรกำไรขั้นต้น 48.19% เทียยบกับงวด 6 เดือนแรกปี 2559 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 59.97% และในส่วนของอัตรากำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 13.92% เทียบกับงวด 6 เดือนแรกปี 2559 ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 28.06% 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิของบริษัทอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ คือการเข้าควบคุมการจัดซื้อและการโครงการของทุกโครงการด้วยคณะผู้บริหารเอง ซึ่งทำให้ต้นทุนในส่วนของวัสดุก่อสร้างและการก่อสร้างลดลงเฉลี่ย 6% ต่อโครงการ

ทั้งนี้ ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 (เริ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปี 2550) และกำลังมีสร้างพัฒนาการที่สำคัญ คือการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยจะเข้าซื้อขายวันแรก ในวันที่ 2 พ.ย. 2560 บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 120 ล้านห้น พาร์ม 0.50 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.20 บาท คิดเป็นเงินระดมทุน 264 ล้านบาท ขณะที่มูลค่ารามราคาบัญชี อยู่ที่ 0.89 บาทต่อหุ้น

เงินจากการระดมทุนครั้งใช้สำหรับเป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการ The Title  Residencies Naiyang Phuket จำนวน 200 ล้านบาท ในปี 2561 และที่เหลือ 64 ล้านบาท ใช้สำหรับซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะใช้ในปี 2561 

ศศิพงษ์ กล่าวเพิ่มว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะทำให้มีเงินหมุนเวียนสำหรับโครงการบนหาดในยาง ซึ่งเป็นหาดที่ 2 ที่บริษัทเข้าพัฒนาโครงการ ส่วนหาดราไวย์ ซึ่งเป็นหาดแรกที่เข้าพัฒนาโครงการนั้น ปัจจุบันสามารถเดินหน้าได้ด้วยเงินทุนหมุนเวียนจากโครงการ และในอนาคตประมาณ 3 ปีจากนี้ ร่มโพธิ์มีแผนเข้าพัฒนาโครงการบนหาดอื่นๆ ในภูเก็ต เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน