จนท.ลั่นพบซากพะยูนถูกล่า แต่ชาวบ้านหวั่นจัดฉาก

จนท.ลั่นพบซากพะยูนถูกล่า แต่ชาวบ้านหวั่นจัดฉาก

เจ้าหน้าที่พบซากพะยูนถูกล่า ยันขบวนการล่ามีจริง ขณะที่ชาวบ้านหวั่นจนท.จัดฉาก

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 22 ตุลาคม เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง นำโดยนายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 12 นาย นำซากพะยูนที่เหลือเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ที่ตรวจยึดได้จากการที่เจ้าหน้าที่ทำการลาดตระเวนพื้นที่ เพื่อดูแลป้องกันไม่ให้มีคนล่าพะยูนในพื้นที่ตามคำสั่งของอธิบดีกรมอุทยานฯที่ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้ว่า ขบวนการล่าพะยูนยีงมีอยู่จริง ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้พะยูนในประเทศไทยเหลือเพียงประมาณ 200 ตัว

โดยเฉพาะต่อมามีการระบุว่าเจ้าหน้าที่สามารถล่อซื้อชิ้นเนื้อของพะยูนได้จากร้านอาหารแห่งหนึ่งบนเกาะลิบง โดยการตรวจยึดชิ้นส่วนของพะยูนในครั้งนี้ เกิดจากทำงานลาดตระเวรของจ้าหน้าที่ติดต่อกัน 3 วัน 2 คืน โดยในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 22 ตค. เจ้าหน้าที่พบซากพะยูนที่เหลือเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ถูกทิ้งแขวนไว้ในป่าโกงกาง ที่ปากคลองโต๊ะขุน หมู่ที่ 7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งคาดว่าตายมาแล้วประมาณ 2 วันที่ผ่านมา พะยูนน่าจะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัม จึงนำกลับมาขึ้นฝั่งเพื่อนำมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.กันตัง เพื่อติดตามหากลุ่มผู้กระทำความผิดต่อไปส่วนซากพะยูนเจ้าหน้าที่จะนำส่งไปเก็บรักษาไว้ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังต่อไป

นายชัยพฤกษ์ กล่าวว่า หลังจากอธิบดีกรมอุทยานฯออกมาให้ข่าวว่ามีการล่าพะยูนเกิดขึ้นจริง จึงได้สั่งการให้ในพื้นที่จัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวัง ป้องกัน ซึ่งทำงานมาตลอด 3 วัน 2 คืน จน22 ต.ค. ช่วง 16.00 น. เจ้าหน้าที่จึงไปพบซากพะยูนซึ่งมีเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ที่บริเวณป่าโกงกาง ที่ปากคลองโต๊ะขุน หมู่ที่ 7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง จึงสามารถยืนยันได้ว่ามีการล่าพะยูน ตามที่ท่านอธิบดีฯได้ให้ข่าวไว้จริง แต่ไม่แน่ใจว่าขบวนการล่าพะยูนจะเอาเนื้อไปบริโภคหรือไม่ แต่ส่วนที่หายไป เช่น ส่วนหัว กระดูก เนื้อ

ซึ่งเป็นที่ต้องการตามกระแสข่าวที่เคยมีมา ตามความเชื่อหายไปหมด เหลือเฉพาะหนังและลำไส้ จึงเชื่อว่าเมื่อปรากฏหลักฐานนี้ ชาวบ้านจะเชื่อได้ว่ามีขบวนการล่าพะยูนจริง ซึ่งเมื่อ 30 ปี ก่อนชาวประมงหรือชาวบ้านมีการกินเนื้อพะยูนจริง เพราะพะยูนมีมากในทะเล จึงคิดว่าพะยูนก็เป็นปลาชนิดหนึ่ง แต่เมื่อมีการออกกฎหมายคุ้มครองในปี 2535 ทำให้เกิดกระแสการอนุรักษ์ การล่าพะยูนจึงหายไป ส่วนที่พบก็มักจะพบซากในสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากเกิดจากติดเครื่องมือประมง และ ในรอบ 6 ปีที่ ที่ตนมารับตำแหน่งหัวหน้าที่นี้ พบพะยูนถูกฆ่าชำแหละเนื้อจริงๆในวันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยพบเห็นซากพะยูนในลักษณะนี้มาก่อน

และเชื่อว่าชาวบ้านทราบข่าวเรื่องนี้ก็คงจะเชื่อว่า มีขบวนการล่าพะยูนจริง หลังจากนี้จะต้องเพิ่มความเข้มงวดและความร่วมมือจากชาวบ้านให้มากขึ้น เพื่อการป้องกัน เพราะลำพังเจ้าหน้าที่มีประมาณ50คนเท่านั้น มีไม่เพียง ขณะนี้พื้นที่ต้องดูแลมากกว่า 200,000 ไร่ เป็นพื้นที่ทางทะเลแสนไร่เศษ ต้องขอกำลังสนับสนับสนุนและงบประมาณเพิ่ม

ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านหลายคนหลังทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนของพะยูนถูกทิ้งไว้ในป่าโกงกาง ส่วนหัว กระดูก และเนื้อ หายไป เชื่อว่าเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่หรือไม่ โดยต่างตั้งข้อสังเกตว่าหากมีการล่าจริง หรือมีการลักลอบเอาเนื้อพะยูนที่ได้จากการตายเพราะเครื่องมือประมง คนร้ายจะไม่ทิ้งซากไว้ให้เจ้าหน้าที่ไปพบ แม้แต่เลือดของพะยูนก็ไม่มีให้เห็น และพื้นที่ทะเลรวมทั้งป่าชายเลยกว้างใหญ่ไพศาล คนไปพบก็น่าจะเป็นชาวบ้านที่ออกไปหาปลา หาปู ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวรไปพบ จึงเชื่อว่าการพบซากชิ้นส่วนพะยูนในครั้งนี้ เกิดจากเจ้าหน้าที่ร่วมกันจัดฉากหรือไม่ เพื่อให้การออกให้ข่าวเรื่องขบวนการล่าพะยูน เพื่อนำเขี้ยว กระดูก และเนื้อไปขายในตลาดมืดของอธิบดีกรมอุทยานฯมีอยู่จริง และรองรับวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ที่อธิบดีกรมอุทยานฯมีกำหนดการจะลงพื้นที่มาชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน กรณีให้ข่าวเรื่องขบวนการล่าพะยูนด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะนัดชาวประมงและชาวบ้านมาหารือร่วมกัน