บุกค้นห้องพักทั่วกรุงรวบต่างชาติเข้าเมืองผิดกม.

บุกค้นห้องพักทั่วกรุงรวบต่างชาติเข้าเมืองผิดกม.

ตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลัง 191 อรินทราช 26 และสยบไพรี ปส. บุกค้นห้องพัก 32 จุดทั่วกรุง รวบต่างชาติเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย

ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ (ไอริช คอนโดมิเนียม) ถนนศรีนครินทร์ซอย 11 แขวงและเขต สวนหลวง กรุงเทพฯ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. ได้บูรณาการกำลังหน่วยงานภาครัฐฯ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 , หน่วยอรินทราช26 , หน่วยรบพิเศษสยบไพรี บช.ปส. , ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง , ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน , ตำรวจประเวศ , ทหารร้อย รส.พัน.กรม สน.พล.ร.9 เข้าปิดล้อมตรวจค้นตามเป้าหมายกว่า 32 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบชาวต่างชาติผิวสี ที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกฎหมายกำหนด และอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวนมาก

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ในการดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคง ส่งผลต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย เช่น กลุ่มเครือข่ายปลอมธนบัตร (Black Money) กลุ่มเครือข่ายหลอกลวงการแต่งงาน(Romance Scam) กลุ่มเครือข่ายผลิตและปลอมบัตรเครดิต(Skimming) กลุ่มคนหลอกลวงนำเพชรปลอมมาจำหน่าย กลุ่มชาวต่างชาติที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มกระทำอาชญากรรมต่างๆ และยาเสพติด ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาวิธีการกระทำความผิดให้มีความซับซ้อน และหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงได้ระดมกำลังตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ออกระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 32 จุด ประกอบด้วย ในพื้นที่ประเวศ บางนา อุดมสุข ลาดพร้าว ลาซาล สำโรง ฯลฯ

ทั้งนี้จากการตรวจค้นสามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้จำนวน 14 ราย ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 9 ราย เป็นชาวต่างชาติแบ่งเป็นสัญชาติโซมาเลีย 7 ราย สัญชาติไนจีเรีย 2 ราย นำส่งสน.ประเวศ ดำเนินคดี และในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 5 ราย แบ่งเป็นสัญชาติสหรัฐอเมริกา 1 ราย สัญชาติไนจีเรีย 4 ราย นำส่ง สภ.สำโรงเหนือ ภ.จว.สมุทรปราการดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามชาวต่างชาติ พบว่า ชาวต่างชาติส่วนใหญ่เข้ามาโดยไม่ได้ประกอบอาชีพ และบางส่วนเข้ามาเพื่อศึกษาต่อ ซึ่งมีชาวต่างชาติสัญชาติสหรัฐอเมริกาได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย และอยู่เกินที่กฎหมายกำหนด หรือโอเวอร์สเตย์จำนวน 4 ปี โดยไม่ได้ประกอบอาชีพ ซึ่งจะทำการตรวจสอบต่อไปว่า มีประวัติอาชญากรหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ. ของชาวต่างชาติทั้งหมด เพื่อทำประวัติเก็บไว้ พร้อมขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ก่อนผลักดันออกจากประเทศต่อไป

สำหรับการเข้าตรวจค้นคอนโดดังกล่าว ได้เข้าตรวจจำนวน 20 ห้องพัก ซึ่งจะต้องมีการดำเนินคดีกับเจ้าของห้องพักทั้ง 20 ห้องพักด้วย ในความผิดที่ไม่แจ้งข้อมูลชาวต่างชาติที่เข้าพักตามพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 โดยจะทำการเปรียบเทียบปรับ เจ้าของห้องพัก ผู้ดูแลอาคาร รวมถึงนิติบุคคลด้วย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เจ้าของอาคารสถานที่ ผู้ประกอบการโรงแรม ห้องให้เช่า จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย หากไม่แจ้งการให้ที่พักพิงแก่บุคคลต่างด้าวภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี อย่างไรก็ตาม ทาง บช.ทท.ได้ประสานงานร่วมกับกรมการปกครอง เข้าทำการตรวจสอบการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาที่พัก รวมถึงอาหาร ฯลฯ แต่ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานว่า มีการขึ้นราคา หรือเอาเปรียบนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทำผิด ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป