Daily Strategy (20 ต.ค.60)

Daily Strategy (20 ต.ค.60)

ยังหวังว่าจะรีบาวด์กลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,700 จุด

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: หลังการปรับตัวแรงหลังจากหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,700 จุด แต่สถานการณ์โดยรวมไม่ถึงกับแย่มากนัก วันนี้ เรายังหวังการรีบาวด์ขึ้นได้ แม้จะมีปัจจับลบเรื่อง GL ราคาปรับตัวลงอย่างหนัก และวันนี้ก็ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ทางด้าน PTTEP มีข่าวลบว่าจะบันทึกสำรองด้อยค่าในแหล่งมาเรียน่า ออยล์ แซนด์ ที่คานาดา มากถึง 18,150 ล้านบาท คาดว่ากระทบต่อหุ้น PTTEP และ PTT ซึ่งถือหุ้นราว 65% ใน PTTEP แต่เรามองว่าเป็นผลกระทบเพียง One Time และกระทบ PTT เพียง 3 บาทต่อหุ้น เราจึงแนะนำว่าหากหุ้น PTT ปรับตัวลงมา เป็นโอกาสการเข้าซื้อ ส่วน PTTEP แนะนำขาย ราคาเป้าหมาย 78 บาท  การลงทุนวันนี้ ยังเลือก Selective BUY หุ้นที่เรายังให้ความสนใจต่อเนื่องคือกลุ่มเดินเรือเทกอง ซึ่งค่าระวางเรือ บวกต่อเนื่องอีก 16 จุด หรือ 1.02% เป็น 1,582 จุด ส่งผลดีต่อ PSL และ TTA กรอบแนวรับ 1,701 จุด 1,694 จุด และ 1,680 จุด ซึ่งยังมี Rising Gap ที่ 1,676 จุด รอการปิดเป็นสำคัญ ส่วนแนวต้าน 1,714 จุด 1,722 จุด และ 1,735จุด

หุ้นเด่นวันนี้: SPRC (ราคาปิด 17.90 บาท; ซื้อ; IAA’s TP(Median) 19.00บาท)

  • คาดการณ์กำไรสุทธิใน 3Q60 ของ SPRC จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นมากกว่า 3 พันล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิใน 3Q59 ที่ 1.2 พันล้านบาท และจากกำไรสุทธิใน 2Q60 ที่ 6 พันล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก (1) การฟื้นตัวของค่าการกลั่น (2) กำลังกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้น และ (3) การรับรู้ Stock gain จากราคาน้ำมันที่กลับมาฟื้นตัว ด้วยผลประกอบการที่ฟื้นตัวและฐานะการเงินแข็งแกร่งคาดยังสามารถจ่ายปันผลได้ระดับสูงประมาณ 5.4%
  • Price Pattern ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SPRC ยังคงบ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายของการทำ New High อยู่ที่ 50 บาทและมี Stop Loss อยู่ที่ 17.40 บาท (แนวต้าน: 18.10, 18.30, 18.60; แนวรับ: 17.70, 17.40, 17.20)     
  • ตัวเลขส่งออกไทยโตทุบสถิติสูงสุด กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย.มูลค่า 21,812.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ทุบสถิติสูงสุด ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22% ส่วน 9 เดือน ยอดรวมกว่า 175,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.3% มั่นใจทั้งปีขยาย 8% เกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 7% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจากการค้าโลก-เศรษฐกิจคู่ค้าขยายตัว และไทยจัดกิจกรรมกระตุ้น (ที่มา: Thaipost)มองเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มอาหาร
  • ตลท.เตรียมขึ้น `SP` หุ้น GL วันนี้ 1 วันให้นักลงทุนศึกษาข้อมูล ก่อนขึ้น `NP` จนกว่าแก้ไขงบเสร็จ(ที่มา: Efinance)
  • KBANK (212 บาท; ถือ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 217 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/60 ที่ 9.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% QoQแต่ลดลง 12.7% YoYเนื่องจากอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อเฉลี่ย (credit cost) ในไตรมาส 3/60 ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 238bps จาก 243bps ในไตรมาส 2/60 แต่เพิ่มขึ้นจาก 164bps ในไตรมาส 3/59 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการตั้งสำรองที่เข้มงวดของธนาคาร ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ปรับตัวลงเล็กน้อยอยู่ที่ 3.30% จาก 3.31% ในไตรมาส 2/60 (SET) ความเห็น: ผลการดำเนินงานดังกล่าวต่ำกว่าที่เราคาด 5.5% แต่เป็นไปตามประมาณการเฉลี่ยบลูมเบิร์ก เรากำลังทบทวนประมาณการของเราอยู่และจะรอความชัดเจนจากธนาคารในเรื่องนโยบายการตั้งสำรองในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจาก credit cost ในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 230bps ซึ่งสูงกว่าเป้าทั้งปีของธนาคารไปแล้วที่ 200-225bps โดย KBANK จะมีการจัดประชุมนักวิเคราะห์ในเช้าวันนี้

ตลาดต่างประเทศ:

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) หลังจากร่วงกว่า 100 จุดในช่วงเปิดตลาดและแกว่งตัวแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน หลังมีรายงานข่าวว่า เจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งที่จะได้รับเลือกจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้นั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนใหม่
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสเปน หลังจากนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ไม่สามารถประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนได้ อาจจะลามไปถึงมีการยึดอำนาจบริหารจากแคว้นกาตาลุญญา
  • ตลาดหุ้นฮ่องกง:ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 1.92% ปิดวันนี้ที่ 28,09 จุด ได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงที่ปรับตัวลง รวมถึงหุ้นจีลี่ ออโตโมบิล โฮลดิงส์ ที่ร่วงลง 7.5% หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2560 ขยายตัว 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2560 ที่ขยายตัว 6.9% ความเห็น: หลังการประกาศ GDP ขยายตัวน้อยกว่าไตรมาสก่อน ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นในแถบเอเชียอ่อนตัวลงตามตลาดหุ้นฮ่องกง โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 1.41% มากเป็นอันดับรองลงมาจากฮ่องกง

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าเทขายทำกำไร หลังจากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นในช่วงการซื้อขายก่อนหน้านี้ความเห็น: เราเริ่มมองว่าราคาน้ำมันร่วงลงเริ่มส่งผลบวกต่อ TASCO, RCL, และธุรกิจสายการบิน
  • ทองคำ: ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนได้หันมาซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเกิดกระแสวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในสเปน นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงในช่วงแรกที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง
  • ค่าระวางเรือเทกองอยู่ที่ 1,582 จุด +16 จุด เป็นผลบวกต่อเนื่องกับ PSL, TTA ราคาอ่อนตัวลงมาซื้อ PSL เป้าหมาย 50 บาท TTA 13.00 บาท
  • ค่าการกลั่น: ล่าสุด 7.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อ่อนตัวลงเล็กน้อยจากวันก่อนที่ 7.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล การอ่อนค่าลงของราคาน้ำมันดิบคาดว่าอาจจะช่วยให้ค่าการกลั่นกว้างขึ้น แนะนำทยอยเข้าซื้อ TOP, SPRC, BCP,IRPC, PTTGC
  • ถ่านหิน: ราคาทรงตัวดีหลายวันทำการแล้ว อยู่ที่ 97.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ราคาหุ้น ITMG’J ที่อินโดนีเซียปรับตัวขึ้นร้อนแรง มาที่ 22,375 รูเปียห์ +825 รูเปียห์ หรือ +3.83% แนะนำซื้อ BANPU

 

Stock Comment PTTEP&PTT

  • PTTEP Canada Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTTEP ได้เข้าลงทุนในโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ประเทศแคนาดาโดยถือสัดส่วนการลงทุน 100% และเป็นผู้ดำเนินการนั้นPTTEP ได้พิจารณาปรับแผนการพัฒนา ซึ่งรวมถึงการชะลอการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) ของโครงการออกไป ส่งผลให้ในไตรมาส 3/60PTTEP จะรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อเงินสดในมือและกระแสเงินสดของ PTTEP

  •  PTTEP เคยตั้งด้อยค่าโครงการนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ช่วงไตรมาส 4/57 จำนวน 630 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไตรมาส 3/58 จำนวน 626 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากการตั้งด้อยค่าครั้งนี้ 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปแล้ว จะทำให้โครงการดังกล่าว เหลือค่า NBV เท่ากับ 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น ในอนาคต หากมีการกลับมารื้อฟื้นและเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ที่โครงการนี้ใหม่ อาจจะมีการกลับรายการจากผลขาดทุนขึ้นมาเป็นกำไรได้

 

  • ความเห็น: การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ PTTEP มีผลขาดทุนราว 18,150 ล้านบาท ซึ่งในงวด 1H60 ที่ผ่านมา PTTEP มีกำไรสุทธิ 19,820 ล้านบาท โพลล์รอยเตอร์คาดว่าไตรมาส 3/60 หากไม่รวมผลขาดทุนดังกล่าว PTTEP มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานก่อนรายการพิเศษนี้ ราว 7, 265 ล้านบาท หรือ EPS เท่ากับ 83 บาทต่อหุ้น ดังนั้นหากรวมรายการดังกล่าวคาดว่าผลขาดทุนในไตรมาส 3/60 จะเป็น 10,000 ล้านบาท ดึงให้งวด 9M60 มีกำไรสุทธิเหลือราว9,000 ล้านบาท ขณะที่ AWS คาดการณ์ทั้งปีกำไรสุทธิของ PTTEP อยู่ที่ 19,000 ล้านบาท หรือ 4.80 บาทต่อหุ้น เรายังคงแนะนำขาย PTTEP ราคาเป้าหมาย 78 บาท แต่แนะนำซื้อ PTT ต่อไป โดย PTT ถือหุ้น PTTEP 65.29% คาดว่ารับรู้ผลขาดทุนตามส่วนไปด้วย เป็นเงิน 11,750 ล้านบาท หรือ 3.05 บาทต่อหุ้น PTT หากหุ้น PTT ปรับตัวลงมาจากข่าวดังกล่าวเราถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น PTT เนื่องจากธุรกิจอื่นของ PTT ทางด้านการกลั่น ปิโตรเคมี ไฟฟ้า และค้าปลีก มีแนวโน้มขาขึ้นในปี 2561