ปั้น“อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน”ขึ้นท็อปเทนโลกหนุนท่องเที่ยว

ปั้น“อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน”ขึ้นท็อปเทนโลกหนุนท่องเที่ยว

กระทรวงท่องเที่ยวฯ เปิดตัว“อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน” ยึดเส้นทางผ่านแลนด์มาร์กสำคัญกรุงเทพฯ หวัง 3 ปีขึ้นท็อป 10 โลก เสริมภาพลักษณ์ท่องเที่ยว คาดปีแรก นักวิ่งร่วม 3 หมื่นคน เงินสะพัด 600-700 ล้านบาท

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากวางกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ด้านท่องเที่ยวหลักระยะยาว โดยมีแผนการสร้างแบรนด์กีฬาระดับโลกด้วยตัวเอง หรือ เมดอินไทยแลนด์ สปอร์ต อีเวนท์ นั้น กระทรวงได้เปิดตัวการแข่งขันมาราธอน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน กรุงเทพ” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4 ก.พ. 2561 ตั้งเป้า 3 ปี จะต้องติด 10 อันดับแรกของการแข่งขันระดับนานาชาติที่นักวิ่งทั่วโลกต้องการเข้าร่วม ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือเทียบชั้นรายการเมเจอร์

สำหรับปีแรก คาดมีผู้เข้าร่วมแข่งขัน 3 หมื่นคน ก่อนจะเพิ่มเป็น 5-6 หมื่นคนในปีต่อๆ ไป ซึ่งอยู่ในระดับที่กิจกรรมที่ไทยเคยจัด เช่น กรุงเทพฯ มาราธอน เป็นต้น และตั้งเป้าเงินสะพัดปีแรก 600-700 ล้านบาท 

“แต่ที่สำคัญที่สุดคือภาพลักษณ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากการจัดครั้งนี้ได้ไอรอนแมน ซึ่งร่วมพัฒนากีฬามาราธอนในระดับท็อป 5 ของโลก อาทิ บอสตัน มาราธอน เข้ามาเป็นพันธมิตรดูแลการแข่งขันทั้งหมดในไทย โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานสนามที่ต้องปิดถนน ดูแลรักษาความปลอดภัย ตลอดเส้นทางที่วางไว้ผ่านแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ ทั้งหมด”

โดยเส้นทางเริ่มต้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ผ่านจุดสำคัญ เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, พระที่นั่งอนันตสมาคม, สะพานพระราม 8,  ภูเขาทอง ไปสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน รวมระยะทาง 40 ก.ม.

นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า จากนี้ไปจะเริ่มทำงานร่วมกับภาคเอกชนท่องเที่ยว เช่น สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) และบริษัทนำเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์และจัดแพ็คเกจเข้าร่วมแข่งขันพร้อมที่พักหรือโปรแกรมนำเที่ยว โดยจะเริ่มจำหน่ายบัตรแบบเออร์ลี่ เบิร์ด ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. และจำหน่ายทั่วไปตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า โดยราคาเฉลี่ยไม่สูงมาก เนื่องจากเป็นปีแรกจึงต้องการสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้คนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด โดยเฉพาะคนไทยที่จะได้มีโอกาสร่วมในการแข่งขันมาราธอนที่มีมาตรฐานระดับโลก เกิดความกระตือรือร้นในการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพมากขึ้น และเตรียมใช้รายการนี้กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างรวดเร็วในหมู่ผู้จัดการแข่งขันของไทย เพื่อจะได้ศึกษาและนำไปปรับปรุงการแข่งขันรายการอื่นๆ ในประเทศให้มีมาตรฐานดียิ่งขึ้น

“ต้องการเป็นน้องใหม่ที่มาแรงของวงการมาราธอนระดับโลก การทำงานกับไอรอนแมน ที่เป็นผู้ดูการแข่งขันมาราธอนระดับโลกจะได้เปรียบในการเรียนรู้มาตรฐานนานาชาติเคร่งครัด”

ทั้งนี้มาตรฐานที่นำมาใช้ เช่น การปิดถนนทั้งหมด 100% การวัดขนาดเส้นทาง กั้นป้ายต่างๆ  ระบบการวางเส้นทางที่ดี ไม่รบกวนการจราจรเป็นเวลานาน เนื่องจากออกแบบเส้นทางให้จุดสตาร์ทและจุดสิ้นสุดอยู่คนละที่ ทำให้สามารถปล่อยพื้นผิวการจราจรคืนได้ทันทีเมื่อตัดตัวนักวิ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้ว

ส่วนการที่ไอรอนแมนเห็นพ้องกับกระทรวงฯ เลือกไทยเป็นจุดหมาย เนื่องจากเห็นว่าไทยมีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวที่สามารถนำมาโปรโมตให้รายการน่าสนใจ และเห็นความตั้งใจในการส่งเสริมกีฬา ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็เริ่มปูทางตลาดสปอร์ต ทัวริสซึ่ม มากว่า 3 ปี ทำให้เริ่มติดตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มหลักในการแข่งขันรายการนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาสามารถจำหน่ายแพ็คเกจทัวร์ร่วมการแข่งขันมาราธอนที่ เชียงใหม่, กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้การแข่งขันครั้งนี้ ไอรอนแมนจะนำนักวิ่งระดับต้นๆ ที่มีคะแนนสะสมอันดับต้นของโลก มาร่วมแข่งขันเพื่อสร้างความน่าสนใจและยกระดับรายการในอนาคต

นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า การสร้างแบรนด์กีฬาเมดอินไทยแลนด์ จะจัดคู่ขนานไปกับการนำอีเวนท์ที่มีชื่อเสียงมาแข่งขันในไทย เช่น แอร์เรซวัน ซึ่งจะมีนักแข่งระดับโลก 16 คนเข้ามาตั้งแต่เดือน พ.ย. และโมโต จีพี ที่จัดต่อเนื่อง 3 ปี โดยทุกการแข่งขัน ททท.จะทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการจัดแพ็คเกจท่องเที่ยว เพื่อทำให้เกิดการกระจายรายได้ในทุกห่วงโซ่อุปทาน