กลุ่มลูกหนี้ 51 คน เปิดห้องเชิญนักกฎหมายเปิดตำรา หาช่องทางเรียกร้องค่าเสียหายจากเจ้สุเจ้าแม่เงินกู้เมืองนครพนม
นายวิทยา ดีมี แกนนำกลุ่มลูกหนี้ของ ”เจ้สุ” น.ส.สุพิชญ์ฌา อภิชัจฐ์โภคิน เจ้าแม่เงินกู้ชื่อดังของจังหวัดนครพนม เปิดประชุมห้องศรีโคตรบูรณ์ โรงแรมพักพิงอิงโขง เชิญนักกฎหมายจากหลายองค์กร เปิดตำรากฎหมาย ป.วิ อาญา มาตรา 44/1 แนะสิทธิการเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย โดยมีกลุ่มลูกหนี้ของเจ้สุจากหลายจังหวัด เช่น ระยอง,สระบุรี,สกลนคร,นครพนม,อำนาจเจริญ,ร้อยเอ็ด,และชัยภูมิ จำนวน 51 คน เข้าร่วมรับฟัง มีนายประเวศ กันสุข ยุติธรรมจังหวัดฯ เป็นผู้กล่าวรายละเอียดเกี่ยวกับมาตราดังกล่าว และนายสมหมาย วงมะแสน นายภูมิสิทธิ์ เอื้อมบุญสุข ทนายความฝ่ายลูกหนี้เป็นผู้ซักถาม
นายวิทยาแกนนำเปิดเผยว่า ด้วยลูกหนี้นอกระบบของเจ้สุ ได้จัดประชุมเพื่อหาช่องทางเรียกร้องค่าเสียหายตาม ป.วิ อาญา มาตรา 44/1 จากบริษัทอภิภาคิน จำกัด โดย น.ส.สุพิชญ์ฌา หรือเจ้สุเป็นเจ้าของ ด้วยฐานความผิด 1.ประกอบธุรกิจในสินเชื่อบุคคลภายนอก ภายใต้การกำกับ โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ 2.ให้บุคคลอื่นยืมโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด และ 3.ฉ้อโกงประชาชน เพื่อเป็นการให้ความรู้และการปฏิบัติตัว เพื่อเตรียมเบิกความในชั้นศาล ตลอดจนระเบียบข้อกฎหมายและเรื่องอื่นๆ ตนในนามตัวแทนลูกหนี้จึงมีหนังสือเชิญนักกฎหมายร่วมบรรยายและชี้แจงคดี(ฟอกเงิน)
นายสุริยา สีคะ อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 146 หมู่ 2 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมด้วยนางจันทร์ทิพย์ สีคะ อายุ 40 ปี ภรรยา ซึ่งปัจจุบันเปิดร้านซ่อมเครื่องมือช่างอยู่ที่จังหวัดระยอง หนึ่งในลูกหนี้ที่มาร่วมฟังข้อกฎหมายกล่าวว่า ปี 2554 ตนนำโฉนดที่ดิน(ที่นา) จำนวน 2 แปลง เนื้อที่รวม 6 ไร่ ขอกู้เงินจากเจ้สุในวงเงิน 150,000 บาท เพื่อนำไปเปิดกิจการผลิตน้ำหอม รับเงินจริง 140,000 บาท เจ้สุอ้างว่าหักเป็นค่าดำเนินการ แต่ทำสัญญากู้ยืมในวงเงิน 250,000 บาท ภายหลังกิจการเจ๊งตนก็ยังส่งเงินชำระหนี้มาตลอดถึง 180,000 บาท ได้ใบที่คืนมา 1 แปลง เหลืออีก 1 แปลง โดยเจ้สุทำสัญญาไว้ในวงเงิน 80,000 บาท ตนก็ส่งเงินเหลือหนี้อีก 36,000 บาท เจ้สุก็ถูกเจ้าหน้าที่จับดำเนินคดี เหตุที่ตนมาร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขการบรรเทาหนี้ เพราะส่งทั้งต้นและดอกรวมแล้วกว่า 200,000 บาท
นางมณี เสริมศักดิ์ศรี อายุ 72 ปี บ้านเลขที่ 145 ม.11 ต.หนองสรวง อ.วิหารแดง จ.สระบุรี เดินทางมาพร้อมกับญาติ กล่าวว่าขอกู้ยืมเงินไปลงทุนค้าขาย 250,000 บาท ทำสัญญาจำนอง 500,000 บาท ส่งเงินต้นและดอกเบี้ยโดยโอนผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารรวมเป็นเงิน 105,000 บาท แต่ได้รับใบเสร็จจากนายทุนระบุเป็นค่าดอกเบี้ยไม่ใช่เงินต้น หลังเป็นข่าวครึกโครม จึงชักชวนกันมาจาก จ.สระบุรี แจ้งความร้องทุกข์ ให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะเกรงจะถูกเจ้สุยึดทรัพย์ เพราะหลังเป็นข่าวตนได้หยุดชำระเงินกู้ชั่วคราม รอให้ปัญหาต่างๆคลี่คลาย ขอชำระหนี้ตามความเป็นจริงที่ได้รับเท่านั้น
“เจ้สุ” น.ส.สุพิชญ์ฌา อภิชัจฐ์โภคิน หรือชื่อ-สกุลเดิม น.ส.สุนภา เรืองสุวรรณ อายุ 56 ปี เจ้าของ บจ.มิตรศิลป์มอเตอร์ไซด์ เลขที่ 924/1-4 ถ.อภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองนครพนม นอกจากจะเปิดร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์แล้ว ยังทำกิจการเงินกู้นอกระบบ คิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีนักกฎหมายแนะช่องทางให้ผู้ขอกู้เป็นผู้นำเอกสารมอบอำนาจจากผู้รับจำนองไปดำเนินการจดจำนองด้วยตนเอง ในวงเงินที่สูงกว่าเงินขอกู้หลายเท่าตัว หากที่ดินแปลงไหนสวยมีราคา จะโน้มน้าวจดจำนองในวงเงินที่สูงลิ่ว เมื่อลูกหนี้ขาดส่งก็จะให้ทนายยื่นฟ้องศาลเพื่อยึดทรัพย์ทันที และทำสำเร็จมาแล้วหลายรายจนย่ามใจ ล่าสุดถูกนางสาลิกา คนฉลาด อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 7 บ้านเหล่าภูมี ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาเบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกเจ้สุ พร้อมลูกน้องสาวผู้เป็นมือขวา เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างศาลฎีกา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 ระบุดังนี้ ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ถ้าผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ ชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือได้รับความเสื่อมเสียต่อเสรีภาพในร่างกายชื่อเสียงหรือได้รับความเสีย หายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลย ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสิน ไหมทดแทนแก่ตนก็ได้
การยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่ง ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องก่อนเริ่มสืบพยาน ในกรณีที่ไม่มีการสืบพยานให้ยื่นคำร้องก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดี และให้ถือว่าคำร้องดังกล่าวเป็นคำฟ้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่งและผู้เสียหายอยู่ในฐานะโจทก์ในคดีส่วนแพ่งนั้น ทั้งนี้ คำร้องดังกล่าวต้องแสดงรายละเอียดตามสมควรเกี่ยวกับความเสียหายและจำนวนค่า สินไหมทดแทนที่เรียกร้อง หากศาลเห็นว่าคำร้องนั้นยังขาดสาระสำคัญบางเรื่อง ศาลอาจมีคำสั่งให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องให้ชัดเจนก็ได้
คำร้องตามวรรคหนึ่งจะมีคำขอประการอื่นที่มิใช่คำขอบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าสิน ไหมทดแทนอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยในคดีอาญามิได้ และต้องไม่ขัดหรือแย้งกับคำฟ้องในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ และในกรณีที่พนักงานอัยการได้ดำเนินการตามความในมาตรา 43 แล้ว ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่งเพื่อเรียกทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินอีกไม่ได้