MORNING CALL ACTION NOTES (18 ต.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (18 ต.ค.60)

เลือกเล่นรายตัว

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อนแกว่งตัวในแดนลบเล็กน้อย โดยมีแรงขายในหุ้นขนาดกลางและใหญ่จากปัจจัยเฉพาะตัว ขณะที่มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่ม ENERG และโรงไฟฟ้า รวมถึงแรงเก็งกำไรในกลุ่ม Bank ซึ่งจะประกาศผลประกอบการ 3Q60 โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,724.47 จุด (-2.20 จุด) Volume 6.29 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -740.15 ลบ.  TFEX Net –6,385 สัญญา ตราสารหนี้ -1,745 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ดาวโจนส์ปิดที่ระดับเกือบนิวไฮที่ 23,000 จุดจากแรงหนุนของผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

+ สหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านดีดตัวขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 68 ในเดือนต.ค. สูงสุดในรอบ 6 เดือน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. โดยได้แรงหนุนจากการผลิตรถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

+ ญี่ปุ่นและสหรัฐเห็นพ้องที่จะแก้ไขวิกฤตคาบสมุทรเกาหลีด้วยวิธีทางการทูต

+/- น้ำมันดิบทรงตัวโดยนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางระหว่างอิรักและกลุ่มกบฎชาวเคิร์ด และความขัดแย้งะหว่างอิหร่านและสหรัฐ

+/- Fund Flow พลิกเป็น Net Sell วันแรก 740 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า 33.07 Bath/USD อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนก.ย. TFEX เป็น Net Short ราว 1.11 แสนสัญญา

**18 ต.ค. จับตาเกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธในวันเปิดการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

** ติดตามการประกาศงบกลุ่มธนาคาร 19 ต.ค. BBL  KTB  SCB  20 ต.ค. BAY KBANK KKP

**สหรัฐเตรียมโหวตร่างงบประมาณประจำปี 2561 ในสัปดาห์นี้ เพื่อปูทางสู่การพิจารณากฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับ sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐที่เดินหน้าต่อขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส  แต่มีปัจจัยถ่วงจาก fund flow ที่ผันผวนพลิกเป็นลบวานนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัว  ดังนั้นประเมินว่า SET แกว่งตัวในกรอบ 1,718-1,731 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- การปฎิรูปภาษีของสหรัฐ IVL EPG

- กลุ่มโรงกลั่นคาดกำไร Q3/17 เติบโต

- กลุ่มเดินเรืออานิสงส์ค่าระวางเรือทำ New High 1,552 จุด

- ประมูล SPP HYBRID 300MW BPP GPSC TPCH PSTC BCPG  

- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/17 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ PTTGC TOP IRPC BCP BCPG  HARN FTE  ASIMAR  ATP30 JWD  ERW CKP COMAN SYNEX XO TPCH

หุ้นแนะนำพิเศษ

ประเด็นบวกกลุ่มเดินเรือค่าระวางเรือ New High ในรอบ 3 ปี

  • ดัชนี BDI ล่าสุดปรับตัวขึ้น 1.9% โดยปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 10 วันทำการ รวมแล้วกว่า 18.6% มาอยู่ที่ 1,552 จุด ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในรอบ 3 ปี ภายหลังจาก WTO ออกมาปรับเพิ่มคาดการณ์การซื้อขายโลก (Merchandise) ขึ้นจาก 2.4% มาอยู่ที่ 3.6% ในช่วงปลายเดือน ก.ย. 60 ที่ผ่านมา
  • การปรับตัวขึ้นของ BDI เป็น Sentiment เชิงบวกแก่หุ้นกลุ่มเดินเรือ โดยเฉพาะเรือเทกองคือ TTA และ PSL แต่ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบ Valuation พบว่า ราคาหุ้น TTA ยังคง Laggard อยู่มากกว่า กล่าวคือ มี PBV อยู่ที่ 0.91 เท่า เทียบกับ PSL ที่ซื้อขายในระดับ 1.39 เท่า และเมื่อเปรียบเทียบการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น TTA เทียบกับดัชนี BDI ยังมีความ Mismatch ค่อนข้างมาก กล่าวคือ BDI มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องรวม 18.6% ขณะที่ราคาหุ้น TTA มีการปรับตัวขึ้นรวมเพียง 3.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน จึงแนะนำให้ "ซื้อเก็งกำไร" TTA

หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : TFMAMA

  • บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งเกิดจากการควบบริษัทระหว่าง บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TF) และ บมจ.เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ (PR) ลักษณะธุรกิจหลังควบกิจการแบ่งเป็น
  • การผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตรามาม่า และขนมปังกรอบ ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตราบิสซิน และตราโฮมมี่
  • การผลิตอาหารกึ่งสำเร็จรูปประเภทเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ ก๊วยจั๊บ โจ๊ก ข้าวต้ม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของตัวเส้นหรือข้าวพร้อมด้วยเครื่องปรุงรส รวมถึงวุ้นเส้นกึ่งสำเร็จรูป ภายใต้เครื่องหมายการค้า MAMA, PAPA, PAMA, HANDI RICE และ PRESIDENT RICE เป็นต้น
  • การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ซึ่งมีทั้งแบบค้าส่ง ภายใต้ตราฟาร์มเฮ้าส์ การจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของบริษัท ได้แก่ ร้านเดลิย่า และร้านเค้กมาดามมาร์โก้ นอกจากนั้นยังมีแฟรนไชส์ขายแซนวิช กู๊ดมอร์นิ่งฟาร์มเฮ้าส์ และตู้จำหน่ายขนมปังอัตโนมัติ ซึ่งดำเนินการโดย บมจ.เพรซิเดนท์เบเกอรี่ (PB)
  • โครงสร้างรายได้หลังควบรวมกิจการแบ่งตามธุรกิจหลัก คือ บะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูป คิดเป็น 49% เบเกอรี่ 35% ขนมปังกรอบ น้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ ประมาณ 13% อื่นๆ 3% โดยมีกลุ่มลูกค้าในประเทศคิดเป็น 84% และส่วนที่เหลือมาจากต่างประเทศ
  • เข้าซื้อขายใน SET หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ราคาพาร์ 1 บาท จำนวน 329.704 ล้านหุ้น โดยไม่มีกำหนดราคาสูงสุดและต่ำสุด
  • การจัดสรรหุ้นของ TFMAMA ในอัตราส่วนดังนี้

               1 หุ้นเดิมใน TF ต่อ 1.47927562 หุ้นใน TFMAMA

               1 หุ้นเดิมใน PR ต่อ 0.42373214 หุ้นใน TFMAMA

               ราคาปิดล่าสุด TF 266 บาท PR 77 บาท

  • ผลประกอบการรวมเสมือน ปี59 มีรายได้ 2.15 หมื่นลบ. +6% YoY กำไรสุทธิ 2,172 ลบ. +12%  สำหรับ 1H60 มีรายได้ 1.06 หมื่นลบ. +3.2% และกำไรสุทธิ 1,359 ลบ. +2%

หุ้นมีข่าว   

Ø  BIZ (ราคาปิด 4.06 ถือ ราคาเหมาะสม 4.80) ผนึก 5 บิ๊กด้านมะเร็ง ผุด โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านมะเร็ง มูลค่า 500 ล้านบาท หวังขยายฐานรายได้ ดึงผู้ป่วยต่างชาติรองรับ EEC ตั้งเป้าโกยรายได้ปีละกว่า 100 ล้านบาท พร้อมเจรจาขายเครื่องรักษามะเร็งกว่า 3-4 ดีล มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านปีหน้า (ที่มาทันหุ้น)    

Ø  ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อการขยายการลงทุนไปยังโรงพยาบาลมะเร็งเพราะจะช่วยให้รายได้มีความสม่ำเสมอมากขึ้นและลดความผันผผวนของรายได้จากการขายเครื่องฉายรังสีมะเร็งที่ต้องมีการประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง

Ø  BPP (ราคาปิด 31.75 Consensus สูงสุด 32) เตรียมเทกโอเวอร์โซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น พ.ย.นี้ แย้มเป็นบริษัทที่มีสัญญาขายไฟฟ้าแล้ว และมากกว่า 1 ดีล พร้อมยื่นข้อเสนอผลิตไฟฟ้า SPP Hybrid ที่ภาครัฐเปิดรับซื้อ 16-20 ต.ค.นี้ (ที่มาทันหุ้น)  

Ø  ความเห็น ราคาหุ้นซื้อขายที่ PE Ratio ต่ำเพียง 21.6 เท่า ขณะที่ GPSC และ BGRIM ซื้อขายที่ PE Ratio 30 และ 46 เท่าตามลำดับทำให้ BPP มีความน่าสนใจในเชิง Laggard กลุ่ม

Ø  TMB (ราคาปิด 2.52 Bloomberg Consensus 2.59) แจ้งกำไร 3Q60 เท่ากับ 2,003 ลบ. -14%QoQ +9%YoY ต่ำกว่าที่ consensus คาดว่าจะอยู่ที่ราว 2.2 - 2.4 พันลบ. 9M60 มีกำไร 6.4 พันลบ. +6%YoY แม้รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตสูง 32% แต่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัว คชจ.สำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น  8% การ write off หนี้สูญอีก 2.3 พันลบ.ใน Q3/60 ทำให้ %NPL ลดลงจาก 2.56% ในไตรมาสที่แล้วเหลือ 2.44% และรักษาระดับ Coverage Ratio ทรงตัวที่ 141% อัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) เท่ากับ 17.9% และมี Tier 1  เท่ากับ 13.6%

Ø  ความเห็น แม้กำไรออกมาต่ำกว่าคาด และภาพรวมก็ไม่ได้แย่มากนัก คาด Bloomberg Consensus ปรับลดประมาณกำไรปี 60 ไม่มากเหลือราว 8.5 - 8.7 พันลบ. ซึ่งยังมีการเติบโตเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ฐานะเงินกองทุนยังไม่น่ากังวลเรื่องเพิ่มทุน แนะนำ ถือ

Ø  CPN (ราคาปิด 79.75 Bloomberg Consensus 78.95) เปิดตัวศูนย์การค้าแห่งใหม่เพิ่มเติม 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมาในวันที่ 3 พ.ย. 60 และเซ็นทรัลพลาซา มหาชัยในวันที่ 23 พ.ย. 60 มั่นใจปี 2560 จะมีรายได้เติบโต 8% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 30,113 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2561 บริษัทมีแผนจะเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และมีแผนที่จะเปิดตัวศูนย์การค้าใหม่ จำนวน 2 -3 แห่งต่อปี (ปี 2561 -2563) คาดว่าจะใช้งบการลงทุนประมาณ 10,000 -15,000 ล้านบาทต่อปี (ที่มา ข่าวหุ้น)

Ø  ความเห็น CPN โดดเด่นในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกให้เช่า แนวโน้มกำไร 3Q60 เติบโตโดดเด่น QoQ และ YoY จากการได้รับเงินประกันภัยการก่อการร้าย 3.5 พันลบ.จากเหตุเพลิงไหม้เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อปี 53 คาดผลประกอบปี 61 ยังเติบโตต่อเนื่องจากการเริ่มรับรู้รายได้คอนโดมิเนียม 3 โครงการมูลค่ารวม 3 พันลบ.ที่มียอดจองครบ 100% แล้ว

Ø  LPN (ราคาปิด 12.20 Bloomberg Consensus เฉลี่ย 11.65) กวาดยอดขาย 9 เดือนแรกกว่า 13,000 ล้านบาท มั่นใจปีนี้มาตามนัด 16,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมเปิดขายคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท เตรียมออกแคมเปญใหม่อีก 1 แคมเปญ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี (ที่มา ข่าวหุ้น)

Ø  ความเห็น แนะนำเพียงซื้อเก็งกำไรยอดขาย presale ที่มีแนวโน้มดีและผลประกอบการ3Q60 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว โดย Bloomberg Consensus คาดกำไร Q3 ราว 305 ลบ. +23%QoQ อย่างไรก็ดี คาดการณ์กำไรทั้งปี 60 อยู่ที่ราว 1.4 พันลบ.  -35%YoY

Ø  SPALI (ราคาปิด 24.40 Bloomberg Consensus 26.08) มั่นใจยอดขายปีนี้โตทะลุเป้า 27,000 ล้านบาท หลัง 9 เดือนแรกทำได้ 25,120 ล้านบาท เติบโต 44% หลังเปิดขายคอนโดมิเนียมใหม่ 4 โครงการ ลูกค้าแห่ซื้อแน่น! พร้อมจับตา SPALI-W4 จ่อคิวเข้าเทรดในตลท.ปลาย ต.ค.นี (ที่มา ข่าวหุ้น)

Ø  ความเห็น ยอดขายที่ดีหนุน backlog แข็งแกร่งที่จะรับรู้เป็นรายได้ในระยะยาว  ด้านรายได้ปีนี้มีโอกาสทำได้ตามเป้าเช่นกันที่ 2.45 หมื่นลบ. กลางปี 60 มี backlog รองรับแล้ว 83% Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 60 ราว 5,352 ลบ. +9.5% กำไร 1H60 เท่ากับ 2,015 ลบ. -29%  แนวโน้มกำไร 3Q60 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ