Daily Strategy (17 ต.ค.60)

Daily Strategy (17 ต.ค.60)

ต้องระวังการถูกขายทำกำไร

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นร้อนแรง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง แซงผลประกอบการที่อาจจะประกาศออกมายังไม่มีกำไรดีนัก นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังการถูกขายทำกำไร หากผลประกอบการออกมายังน่าผิดหวัง เพราะราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมานี้ สะท้อนมูลค่าในอนาคตไปไกลมากแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ซึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินส่วนใหญ่คาดว่าแม้กำไรจะดีขึ้น QoQ แต่ทรงตัว YoY เนื่องจากการตั้งสำรองลดลง ซึ่งไตรมาสที่แล้วโดดเด่นจากการตั้งสำรองของ KTB สำหรับกรณี EARTH ที่น่าจะยังสดใสต่อคือหุ้นในกลุ่ม PTT โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่น ที่คาดว่าไตรมาส 3/60 มีกำไรที่ดีจากค่าการกลั่นดีมาก และไม่มีผลขาดทุนสต๊อกวัตถุดิบสูงเหมือนไตรมาส 2/60 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรายังให้เลือกหุ้นที่คาดว่ายังเติบโตดีในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น PTT, ANAN, AP เป็นหุ้นแนะนำสำหรับการลงทุน

หุ้นเด่นวันนี้: PTT(ราคาปิด 428 บาท; ซื้อ; IAAConsensus เท่ากับ 478 บาท)

  • ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3/60 มาจนถึงขณะนี้ ค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบ WTI ไตรมาส 2/60 และ 3/60 ทรงตัวอยู่ระดับ 48.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มีความผันผวนน้อย ส่งผลดีให้ธุรกิจการกลั่นบริหารงานง่ายค่าการกลั่นไตรมาส 3/60 เฉลี่ยอยู่ที่ 8.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ดีขึ้นจากไตรมาส 2/60 ที่ 6.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงกลั่นของ PTT(TOP, SPRC, IRCP, PTTGC) และสเปรดปิโตรเคมีก็ดีขึ้นมากโดยเฉพาะอะโรเมติกส์ แม้สเปรดสายโอเลฟินส์จะอ่อนตัวลงในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. แต่ก็รีบาวด์กลับขึ้นมาในเดือน ก.ย. ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าคาดว่ามีผลกำไรที่ดีขึ้น และได้รับอานิสสงค์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้การลงทุนในรูปเงินเหรียญสหรัฐฯ มีต้นทุนที่ถูกลง ค่าเชื้อเพลิงก็ถูกลงด้วย
  • ในด้านการทำ Pair Switching Strategy เราแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักใน PTT แทน SCC ซึ่งเราปรับคำแนะนำจากซื้อ SCC เป็นถือ เป็นโอกาสที่ดีของการ Switch จาก SCC ซึ่งอ่อนแอในด้านธุรกิจโอเลฟินส์ แต่หลีกเลี่ยงสู่ธุรกิจอื่น เช่นการกลั่น และไฟฟ้า ไม่ได้ เมื่อเทียบกับ PTT  
  • Price Pattern ของ PTT มีความแข็งแกร่งอย่างมากจากแนวโน้มหลักที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, &Monthly Buy Signal มีเป้าหมายเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 440 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 522 บาท ทั้งนี้ PTT มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 416 บาท (Resistance: 430.00, 432.00, 434.00; Support: 426.00, 424.00, 422.00)      

ปัจจัยในประเทศ:

  • พล.อ.สุกิจ ได้รับเลือกให้เป็นประธาน กสทช. คนใหม่พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทรได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกสทช.คนใหม่แทนพล.อ.ธเรศ ปุณศรีในที่ประชุมพิเศษเมื่อวานนี้สำหรับคณะกรรมาธิการเจ็ดคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนี้จะทำหน้าที่จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะถูกคัดเลือกเข้ามา (Bangkok Post)
  • โมเมนตัมบวกยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องความเชื่อมั่นในตลาดไทยดีขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนี SET ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,700 จุดและน่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โมเมนตัมมีแนวโน้มที่จะยังคงหนุนโดยได้รับปัจจัยหนุนจากมหาภาค (The Nations)
  • ยอดจดทะเบียนบริษัทใหม่เดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 8% YoY อยู่ที่ 6,532 ราย ขณะที่ตัวเลขในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 14% YoY อยู่ที่ 55,612 ราย (บางกอกโพสต์/ไทยโพสต์) ความเห็น: การปรับตัวขึ้นดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น หนุนโดยภาคส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง
  • ความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ม.ค. 58 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (Fetco) เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 162.63 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (very bullish) โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 31.02% จากเดือนที่ผ่านมาที่ 124.13 (ไทยโพสต์)
  • GL: SET ขึ้นเครื่องหมาย SP ต่อ GL เนื่องจากบริษัทยังไม่สามารถชี้แจงได้ในประเด็นที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษนายมิทซึจิ โคโนชิตะ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีทุจริตเบียดบังทรัพย์สินของบริษัทและทําบัญชีไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ ในเช้าวันนี้ บริษัทได้แจ้งว่านายมิทซึจิได้พ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแล้ว ซึ่งมีผลนับตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 60 และอยู่ระหว่างสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายเพื่อเข้ารับตำแหน่งแทน (SET)ความเห็น: เราแนะนำนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุน เนื่องจากบริษัทยังมีประเด็นในเรื่องการทำบัญชีที่อาจไม่ถูกต้อง
  • SCC แจ้งว่าบริษัทนวพลาสติก ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เสนอขายหุ้นที่ถืออยู่ในในบริษัท Tien Phong Plastic Joint Stock Company (หรือ NTP) 23.8% ในตลาดหลักทรัพย์ฮานอย ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 25 ก.ย. 2560 ถึงวันที่ 12 ต.ค. 2560 หลังจากการขายหุ้นแล้วเสร็จ SCC จะมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเป็นจำนวน 963 ล้านบาท โดยเป็นการบันทึกกำไรสุทธิหลังหักภาษี 310 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ส่วนที่เหลือจะบันทึกในไตรมาสที่ 4 ของปี 2560ความเห็น: กำไรจากการขายธุรกิจในเวียดนามอยู่ในกรอบที่เราคาดไว้ 800-1,000 ล้านบาท กำไรดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น แต่บริษัทกลับขาดปัจจัยสนับสนุนในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีของ SCC เติบโตได้จำกัด ปัจจุบัน SCC ใช้กำลังการผลิตสูงถึง 90%-93% และไม่มีกำลังการผลิตใหม่จนถึงปี พ.ศ. 2565 และมีประเด็นเสี่ยงจากกำลังการผลิตโอเลฟินส์ที่เพิ่มสูงขึ้นจาก Shale Gas ในสหรัฐฯ ทำให้เราชอบ PTT และหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มมากกว่า SCC

ตลาดต่างประเทศ:

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮ เพราะได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และอเมริกัน แอร์ไลน์ พร้อมกับจับตาวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งเตรียมโหวตร่างงบประมาณประจำปี 2561 ในสัปดาห์นี้ เพื่อปูทางสู่การพิจารณากฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXYO ที่ 93.35 จุด) กลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมถึงถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่ตลาดแรงงานก็อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งความเห็น:ขณะนี้มีการคาดการณ์ล่าสุดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 93% แล้ว
  • หุ้นยุโรปปิดขยับลงเหตุวิตกการเมืองสเปน:ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสเปน หลังจากรัฐบาลสเปนขีดเส้นตายให้ผู้นำแคว้นกาตาลุญญาแสดงท่าทีที่ชัดเจนภายในวันพฤหัสบดีนี้ว่า จะนำแคว้นกาตาลุญญาแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนหรือไม่

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • น้ำมัน WTI ปิดบวก 42 เซนต์ มาที่ 51.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลขณะนักลงทุนกังวลสถานการณ์ตะวันออกกลาง ทั้งอิรักและอิหร่านเป็นปัจจัยที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า กองกำลังทหารของอิรักได้เข้ายึดเมืองเคอร์คุกจากกลุ่มกบฏชาวเคิร์ด ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิหร่านนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐอาจคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีการทำไว้ในปี 2558 โดยระบุว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่มีการละเมิดหลายครั้งความเห็น: ราคาน้ำมันยังทรงตัว ไม่ปรับขึ้นรุนแรงมากนัก เราเชื่อว่าทั้งสหรัฐฯ และซาอุดิอาระเบีย สามารถเติมเต็มซัพพลายส่วนที่ขาดหายไปจากอิรัก(ส่งออกน้ำมันได้วันละ 3.64 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และอิหร่าน (ส่งออกวันละ 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
  • ทองคำ: สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.6 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ หรือ 0.12% ปิดที่ระดับ 1,303.00 เหรียญฯ/ออนซ์ ได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นทำนิวไฮของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • ค่าระวางเรือเทกองกลับมายืน 1,523 จุด +38 จุด หรือ +2.56% ยังคงส่งสัญญาณที่ดีและเพิ่มความปลอดภัยให้กับหุ้น PSL และ TTA
  • ค่าการกลั่นยังคงทรงตัวในระดับ 7.28 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทรงตัวแม้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นความเห็น: เรายังมองทิศทางของราคาน้ำมันไม่ได้ปรับขึ้นรุนแรง และจะอ่อนตัวลงหลังไตรมาส 1/61 ค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ 54 เหรียญฯ และปีหน้า 52 เหรียญฯ ดังเดิม