จับตาผลประกอบการหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

จับตาผลประกอบการหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (16 ต.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (16 ต.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มความบันเทิงบนอินเทอร์เน็ต ปรับตัวขึ้น 0.6% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ หลังปิดตลาดวันนี้

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 85.24 จุดปิดที่ 22,956.96 จุด  ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น  0.2% ปิดที่ 2,557.64 จุด และดัขนีแนสแด็ก บวก 0.3%  ปิดที่ 6,624 จุด

ทั้งนี้ เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปีมานี้ ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้น 17% 

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโบอิ้งปรับตัวขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 มีการขยายตัว 6.1%, 15.5% และ 10.8% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว รวมทั้งไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 3 คาดว่าจะมีการขยายตัว 4%

นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนราว 87% ที่มีการเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว ประกาศผลกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต พุ่งขึ้นในเดือนต.ค. โดยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 30.2 จากระดับ 24.2 ในเดือนก.ย.โดยดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0  บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก

ด้านนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. และ 3-4 ครั้งในปีหน้า ถ้าหากว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐยังคงปรับตัวลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น

นายโรเซนเกรน กล่าวด้วยว่า ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ขณะที่อัตราการว่างงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 4.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี จะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป

นายโรเซนเกรน ระบุว่า การที่จะทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% นั้น เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าระดับที่คาดไว้ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดก็ตาม โดยนางเยลเลน ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างมั่นคง ขณะที่ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้