Daily Strategy (16 ต.ค.60)

Daily Strategy (16 ต.ค.60)

คาดตลาดไทยสดใสตามตลาดต่างประเทศ

ช่วงวันหยุดตลาดหุ้นในต่างประเทศโดยเฉพาะแถบเอเชียปิดตลาดสดใส และมีผลบวกต่อเนื่องมาในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่น ฮ่องกงและจีน ซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการ บจ.ที่สดใสของญี่ปุ่นและจีนเอง ส่วนตลาดสหรัฐฯ ยังบวกต่อแต่ไม่ร้อนแรง สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการของ บจ.คาดว่ายังน่าจะมีหลาย บจ.มีกำไรสุทธิสดใสกว่าช่วงสองไตรมาสแรกของปีหลาย บจ. เช่น AP, BCPG, และ GRAMMY ซึ่งเป็นหุ้นแนะนำของเราในวันนี้

หุ้นเด่นวันนี้: AP (8.45 บาท; NR; AWS TP based on consensus EPS at Bt9.70)

  • AP ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับโครงการ High Rise ในปีนี้จากการเปิดตัว Condo 2 โครงการได้แก่ Life ลาดพร้าว และ Life 1 Wireless โดยมี take up rate สูงกว่า 80% อีกทั้งเราได้เห็นการเร่งตัวที่ดีขึ้นของยอด Presales บริษัทใน 9M60 ที่ทำไปถึง 28,295 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าหมายของปี 2560 ที่ตั้งไว้ 32,000 ล้านบาท ทั้งนี้ AP ได้เตรียมเปิดตัวโครงการ Life อโศก พระราม 9 มูลค่าโครงการ 9,000 ล้านบาท ในช่วงวันที่ 11-12 พฤศจิกายนอีกด้วย โดยเราคาดกำไรสุทธิในไตรมาส3/60 ดีขึ้น QoQและกำไรสูงสุดของปีที่คาดว่าจะอยู่ในไตรมาส 4/60 ซึ่งยอดโอนส่วนใหญ่ตกอยู่ในช่วงนี้ของปี โดย IAA Consensus คาดการณ์กำไรในปี 2560 และ 2561 เท่ากับ 0.97 บาท และ 1.10 บาท เมื่อเทียบกับ Benchmark ของ AWS ให้ที่ PER 10 เท่า เราให้ราคาเป้าหมายปี 2560 เท่ากับ 9.70 บาท
  • Price Pattern ของ AP มีความแข็งแกร่งอย่างมากจากแนวโน้มหลักที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ AP ยังบ่งบอกถึงการทำ New High อีกด้วย โดยมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 11 บาท ทั้งนี้ AP มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 10 บาท (แนวต้าน: 8.50, 8.55, 8.60; แนวต้าน: 8.40, 8.35, 8.30)

 

ปัจจัยในประเทศ:

  • นักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยเพิ่มขึ้น 6% YoYนำโดยนักท่องเที่ยวจากจีน : ประเทศไทยให้การต้อนรับแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 26.9 ล้านคนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงวันที่ 11 ตุลาคมและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.37 ล้านล้านบาท โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5.6% และรายได้เพิ่ม 7.6% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Bangkok Post)
  • การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะยังคงดำเนินต่อไปและเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 4% ในปีหน้า : นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่าแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใสของปีหน้าจะช่วยให้การบริโภคภายในประเทศดีขึ้น ทั้งผลผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายกำลังขยายตัวขึ้นเช่นกัน โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของจีดีพีในปีนี้และ 2018 เป็น 8% จาก 3.5% ปี 2017 และ 3.7% ปี 2018 ตามการคาดการณ์ในเดือนกรกฎาคมโดยอ้างอิงจากตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ (Bangkok Post)
  • BBL (ราคาปิด 189 บาท; ซื้อ; AWS 17TP: 202 บาท) และบริษัท เอไอเอ จำกัด ได้เข้าลงนามในสัญญาการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคาร (bancassurance) โดยมีระยะเวลาทั้งสิ้น 15 ปี (SET) ความเห็น: เรามองว่าผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่หลากหลายขึ้นจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร เรายังคงประมาณการการเติบโตของกำไรสุทธิปี 60/61 ที่ 7%/15.9% โดย BBL จะมีการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ในวันที่ 19 ต.ค.นี้
  • GRAMMY(Bt11.40; NR; TP NR)สื่อจีนระบุ ภาพยนตร์”ฉลาดเกมส์โกง” หรือ Bad Genius ของค่ายภาพยนตร์ GDH 559 ซึ่ง GRAMMY ถือหุ้น 51% ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์จำนวน 7,000 โรงในประเทศจีน ตั้งแต่ 13 ต.ค.60 กวาดรายได้ 100 ล้านหยวน (500 ล้านบาท) ในช่วง 3 วันแรก ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีต้นทุน 60 ล้านบาท ออกฉายเดือน พ.ค.60 ทำรายได้ 112 ล้านบาท ในประเทศไทย แต่ทำรายได้ดีมากในฮ่องกง 101 ล้านบาท ไต้หวัน 131 ล้านบาท มาเลเซีย 47 ล้านบาท และกำลังเตรียมเข้าฉายในเกาหลีใต้ 19 ต.ค.60 และออสเตรเลีย 26 ต.ค.60ความเห็น: ครึ่งปีแรก GRAMMY ทำกำไรต่ำมากเพียง 12 ล้านบาท คาดว่ารายได้จากภาพยนตร์ดังกล่าวที่เข้ามาหลังไตรมาส 2/60 จะทำให้กำไรในปี 2560 พลิกฟื้นกลับมาได้ดี

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • สหรัฐฯ: ตลาดหุ้นปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (13 ต.ค.) หลังนักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียน ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับที่อ่อนค่า โดย DXYO อยู่ที่ 93.088 จุด อ่อนตัวเล็กน้อยจากวันที่ 13 ต.ค.ที่ 93.142 จุด ความเห็น: อิทธิพลค่าเงินเหรียญสหรัฐฯอ่อนค่าส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งที่ 33.037 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจที่มีรายได้เป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ แต่กลับเป็นผลบวกต่อธุรกิจที่มีหนี้และเงินลงทุนเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ เช่นธุรกิจโรงไฟฟ้า และธุรกิจที่มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เด่นที่ GPSC, BGRIM, GIFT เป็นต้น
  • ยุโรป: ตลาดหุ้นปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (13 ต.ค.) โดยการนำของตลาดหุ้นเยอรมนี หลังจากที่ไบเออร์ บริษัทผลิตยารายใหญ่ของเยอรมนี เดินหน้าเข้าซื้อกิจการของมอนซานโต้ บริษัทสินค้าเกษตรรายใหญ่ของสหรัฐฯ
  • ค่าเงินปอนด์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ หลังมีรายงานว่าสหภาพยุโรป (EU) อาจเสนอข้อตกลง 2 ปีสำหรับกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) โดยเจ้าหน้าที่ของ EU จะประชุมร่วมกันในวันที่ 19-20 ต.ค. เพื่อกำหนดทิศทางการหารือในประเด็น Brexitต่อไป
  • ญี่ปุ่น: วันศุกร์ปิดบวก 200 จุด ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 21,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ธ.ค. 39 หลังจากที่เคลื่อนไหวผันผวนในการซื้อขายภาคเช้าวันนี้ โดยรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ ฟาสต์ รีเทลลิ่ง บริษัทแม่ของยูนิโคล่ ได้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ขณะที่นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งเลือกที่จะขายทำกำไร หลังจากที่ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้านี้ (+) หลังจากที่ปิดทรงตัวในวันศุกร์ หลังจากที่ EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล สวนทางข้อมูล API พุ่งขึ้นกว่า 3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล เทียบกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 480,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ความเห็น: ปัจจัยนี้ส่งผลบวกต่อ PTTEP, PTT แต่เราเน้นการซื้อหุ้น PTT ในขณะที่ยังคงแนะนำขาย PTTEP
  • ค่าการกลั่นปรับตัวลง(-) หลังจากปิดที่ระดับ 7.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ณ 12 ต.ค.60 มาที่ 7.16 เหรียญฯ ณ 13 ต.ค.60 และ 7.10 เหรียญฯ ในการเปิดทำการช่วงเช้านี้ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่น เริ่มลดผลบวกลงหลังจากที่ราคาน้ำมันกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้ยังได้ผลบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าซึ่งเป็นผลจากค่าเงินสหรัฐฯอ่อนค่าลง ทำให้ต้นทุนการซื้อน้ำมันไม่สูง เชื่อว่าจะต้องรอดูทิศทางของราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีให้ดี
  • ถ่านหิน(-) ราคาถ่านหินสิ้นสัปดาห์ก่อนปิดที่ 96 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ลดลง 2.47 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ราคาหุ้น ITMG’J ที่ BANPU ถือหุ้นปรับตัวลงจากระดับสูงมายืนที่ 20,800 รูเปียะห์ ในวันศุกร์