ไฟป่าแคลิฟอร์เนียเสียหายกว่า 6 หมื่นล้านบาท
วิกฤติไฟป่าซึ่งเผาทำลายแหล่งผลิตไวน์ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐตั้งแต่วันอาทิตย์ (8 ต.ค.) ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นกว่า 30 คนแล้ว และเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 60,000 ล้านบาท
สำนักงานป่าไม้และป้องกันไฟป่าแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (แคลไฟร์) รายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากไฟป่าบริเวณ “นาปา วัลเลย์” ที่เป็นแหล่งผลิตไวน์แห่งสำคัญของสหรัฐ ตั้งอยู่ในภาคเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 31 คนแล้ว แต่ยังมีผู้สูญหายอีก “หลายร้อยคน” ถือเป็นไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 84 ปีของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือนับตั้งแต่เหตุไฟป่าบริเวณกริฟฟิน ปาร์ก ชานนครลอสแอนเจลิส เมื่อปี 2476 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 29 คน
ขณะที่ประชาชนมากกว่า 25,000 คนต้องไร้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 3,500 แห่ง บนพื้นที่มากกว่า 480,000 ไร่ คิดเป็นอาณาเขตเกือบเท่านครนิวยอร์ก ได้รับความเสียหาบรายเป็นหน้ากลองจากไฟป่าที่ปะทุขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ซึ่งรวมถึงไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์ 13 แห่ง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อุตสาหกรรมผลิตไวน์ และอาจสร้างความสูญเสียให้กับเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนียมากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 66,400 ล้านบาท)
ด้านเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงมากกว่า 8,000 คน จากทั้งในรัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐใกล้เคียงที่รวมถึงรัฐแอริโซนา รัฐเนวาดา รัฐออริกอน และรัฐวอชิงตัน กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถในการดับไฟป่ามากกว่า 20 จุดใน 8 เขต ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุ
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (เอ็นดับเบิลยูเอส) เตือนว่ากระแสลมในพื้นที่ซึ่งมีความเร็ว 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังคงเป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่
