ดินแดนไร้ค่าช่างชุ่ย ขอทำเพื่อพ่อ

ดินแดนไร้ค่าช่างชุ่ย  ขอทำเพื่อพ่อ

รวมเหล่าคนหลากหลายวงการ ทำกิจกรรมเพื่อในหลวงที่ช่างชุ่ย

 

ณ วันนี้เรื่องราวของช่างชุ่ย ศูนย์กลางเชื่อมโยงของคนในวงการความคิดสร้างสรรค์ คงเป็นที่รู้จักทั่วเมือง

ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งสำหรับคนชอบความแปลกใหม่ และบรรยากาศแบบฮิปๆ

สถานที่แห่งนี้เคยเป็นกองขยะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และคนที่เปลี่ยนพื้นที่ไร้ค่าให้มีคุณค่า ก็คือสมชัย ส่งวัฒนา ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่น Flynow

บนพื้นที่ 11 ไร่ที่เขาบอกว่า กว่าจะมีวันนี้ เขาต้องมากิน มานอน เฝ้าสังเกตพื้นที่แห่งนี้กว่า 7 เดือน และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขารู้ว่า เขาจะสร้างพื้นที่แห่งนี้เพื่ออะไร

“ระยะเวลา 7 เดือนที่ผมกินนอนอยู่ที่พื้นที่ไร้ค่าแห่งนี้ เราก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งนี้กลับมามีค่าอีกครั้ง นั่นคือความยาก ผมปิดตำราทุกเล่มที่เคยเรียนมา เพื่อบอกว่าผมจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ซ้ำกับสิ่งที่ผมเคยจดจำ”

เขาเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และอยากทำอะไรที่แตกต่างจากคนทั่วไป รวมถึงตระหนักรู้ว่าทำแล้วต้องมีคุณค่าต่อสังคม และเมื่อคิดได้ก็ต้องลงมือทำ

สมชัย กล่าวในงานเปิดตัว จากธุลีดินถึงจักรวาลของพ่อ เมื่อไม่นานนี้ว่า

“วันนี้คนไทยพูดคำว่า เรารักในหลวง แต่คุณไม่ได้ลงมือทำ การกระทำคือสิ่งที่สำคัญของมนุษย์ พื้นที่แห่งนี้เป็นรอยต่อของแผ่นดินในหลวง รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 และอีกไม่กี่วัน เสี้ยวประวัติศาสตร์ที่คนทั้งโลกจะจารึกไว้ว่า เรามีพระมหากษัตริย์ ซึ่งประดุจดังเทพแห่งสรวงสวรรค์จริงๆ มาเกิด”

กิจกรรมที่สมชัยและคนหลากหลายอาชีพทั้งคนเขียนหนังสือ นักดนตรี คนทำงานศิลปะ ครีเอทีฟ และคนที่น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิต ก็คือ จากธุลีดินถึงจักรวาลของพ่อ

“ทำถวายพ่อหลวงของเรา ซึ่งเดือนนี้ชาวช่างชุ่ยจะน้อมระลึกถึงพระองค์ท่าน นิทรรศการละออง งานแรก เปรียบเสมือนละอองเล็กๆ ที่เราตระหนักว่าจะทำสิ่งที่ดีให้พ่อ ดีเท่าที่เราทำได้นิทรรศการจะดีหรือไม่ดีไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่พวกเราทุกคนทำด้วยใจ

พื้นที่แห่งนี้จะเป็นโมเดล ผนวกหลายเรื่องในสังคมไทย เพราะอาคารของเราเป็นสังกะสีธรรมดาๆ และในความธรรมดานั้น ผมว่ามันคือเนื้อแท้ความน่ารักของคนไทย“

สมชัย บอกว่า เขาเฝ้ามองแผ่นดินนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นตึกรามบ้านที่มีพื้นที่สีเขียวน้อยมาก เขาอยากปลูกต้นไม้

“ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นกองขยะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ผมได้ที่ดินแปลงนี้ และคิดว่าสักวันหนึ่งจะเป็นออฟฟิศของฟลายนาว ผมจะปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรักที่สุด

คิดแล้วคิดเล่าก็ไปไม่ถึงฝั่ง จนมาคิดว่า น่าจะดีที่สุดที่จะทำพื้นที่แห่งนี้ให้สังคม ผมใช้รถสองพันกว่าคันขนขยะออกไป ปรับปรุงพื้นที่ ทำเสร็จผมก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อ จนคิดได้ว่าต้องทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคม และพื้นที่แห่งนี้ไม่ได้เกิดจากผมคนเดียว เกิดจากความรักใคร่ของเพื่อนๆ เราทำโครงการช่างชุ่ยเปรียบเสมือนดินแดนที่ไร้ค่า”

ระหว่างการเล่าเรื่อง เขามักจะวกมาที่คำว่า ดินแดนที่ไร้ค่า และนั่นคือความตั้งใจของเขาที่ทำสิ่งที่ไร้ค่าให้มีคุณค่าต่อสังคม

“คำว่าช่างชุ่ย ต้อยต่ำเหลือเกิน ผมทำงานกับคนที่ต้อยต่ำ 30 คน ที่ดูแลเรียงร้อยเรื่องราวทั้งหมดของพื้นที่ตรงนี้ ผมมากินนอนที่นี่ 7 เดือนเต็มก่อนจะเป็นช่างชุ่ยวันนี้

ผมเชื่อว่ามนุษย์มีเลือดเนื้อเชื้อไข มีจิตวิญญาณ ผมเป็นคนที่ปฎิเสธห้องแอร์ ไม่ว่าอากาศจะร้อนแค่ไหน ผมคิดว่านั่นคือความสุขที่ธรรมชาติให้มา”

แม้วันเปิดตัวกิจกรรมพิเศษเพื่อในหลวง เขาจะเล่าเรื่องสั้นๆ แต่รู้สึกได้ว่า เขารักแผ่นดินนี้ไม่ต่างจากคนไทยทั้งประเทศ

“ผมมาจากบรรพบุรุษครอบครัวจีน ผมเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมรักแผ่นดินแห่งนี้ ผมรักความเป็นไทยไม่ด้อยกว่าใครในโลก นี่คือจิตวิญญาณที่เกิดควบคู่กับตัวผมเอง ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมตระหนักรู้ว่า ชีวิตคนเราอยู่ยากเหลือเกิน ธุรกิจเต็มไปด้วยการแข่งขัน การต่อสู้"

สมชัย ย้ำว่า พื้นที่แห่งนี้คือ สถานที่ของทุกคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีจิตใจที่งดงาม เรามีความคิดว่า ช่างชุ่ยคือ พื้นที่แห่งโอกาส เพราะปัจจุบันในวงการธุรกิจ ถ้ามีเงินต่ำกว่าหนึ่งล้านบาททำธุรกิจไม่ได้ แต่ช่างชุ่ย ต้อนรับทุกคน

“ที่นี่เป็นพื้นที่เอกชน11 ไร่ ซึ่งไม่สามารถเข้าโมเดลทางธุรกิจ แต่เราต้องการจะพิสูจน์ว่า เราอยู่ได้ เราเป็นดินแดนไร้ค่าที่สุดในโลกของทุนนิยม และเป็นพื้นที่ที่ผมอยากทำเพื่อสังคม”

....................

เรื่องเล่าจากธุลีดิน

ประธาน ธีระธาดา บรรณาธิการบริหาร art 4d เล่าว่า

“ในช่วงตุลาคมปีที่แล้ว นิตยสารของเรากำลังจะปิดต้นฉบับ ก็ต้องยกออก เมื่อทราบข่าวในหลวง รัชกาลที่ 9 สวรรคต เราก็ติดต่อศิลปินให้ส่งงานมาเร็วที่สุด ปรากฎว่าได้รับความร่วมมือดีมาก ถ้าตีพิมพ์ออกไปอย่างเดียว ก็จะเสียดาย ก็อยากนำมาแสดงให้ชม ปีนี้จึงนำมาแสดงในนิทรรศการละออง”

............

วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปิน เล่าว่า

“ตอนนั้นกำลังจะแสดงนิทรรศการของตัวเองในวันที่ 18 ตุลาคม ปีที่แล้ว รู้สึกไม่อยากแสดงแล้ว จึงยกเลิก โดยในวันที่ 14 ตุลาคมปีนั้น ผมก็ไปร่วมส่งพระบรมศพที่สะพานพระปิ่นเกล้า กลับมาก็คิดว่าอยากทำงานอะไรก็ได้ เพื่อพระองค์ท่าน ก็คิดงานจากแรงบันดาลใจ

จำได้ว่า ตอนที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทำโครงการพระราชดำริเขาชะงุ้ม จ.ราชบุรี พระองค์พระชนมพรรษา 60 พรรษาแล้ว ขณะที่เราอายุ 40-50 ปีก็อยากหยุดทำงานแล้ว แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานหนัก ทั้งๆ ที่หลายโครงการกว่าจะเห็นผลก็ใช้เวลานาน เป็นแรงบันดาลใจสำหรับผม โครงการอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเกิดประโยชน์ต่อแผ่นดินไทย เราต้องทำให้สำเร็จให้ได้”

..............

ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ผู้ก่อตั้งโครงการพอแล้วดี The Creator บอกว่า

“มีความเชื่อเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง และได้น้อมนำมาใช้กับชีวิตตัวเอง ซึ่งทุกคนบอกว่า รักพ่อ แต่เวลาที่จะต้องทำตามพ่อ กับคำว่าพอเพียง หลายคนก็เข้าใจว่า ต้องเกษตรผสมผสานหรือเปล่า ถ้าเราเป็นนักธุรกิจ ศิลปิน ก็คงเอาเรื่องนี้มาใช้ไม่ได้

เราก็เลยมาทำเรื่องนี้ พอแล้วดี ซึ่งไม่ใช่ทำให้คนไทยอย่างเดียว อยากทำให้คนทั้งโลกเห็น เพราะเวลาพูดถึงคำว่าความยั่งยืน แต่เราไม่รู้จักจัดการความโลภของตัวเอง ไม่กล้าพูดคำว่าพอ ก็เลยเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับธุรกิจ คนจะได้เห็นว่า สิ่งที่พระองค์ท่านสอนพวกเรา เอามาใช้ได้กับทุกเรื่อง

ถ้าเมื่อไหร่เรารู้จักคำว่าพอ ไม่ได้แปลว่าหยุด ตรงนี้เรียกว่า พอดี โดยเราเอาความคิดสร้างสรรค์มาใช้ เราก็จะสร้างเศรษฐกิจที่ทุกคนพอมีพอกิน และไม่ได้แปลว่าเท่าเทียม

โดยเราเลือกคนที่ทำธุรกิจเล็กๆ โรงแรม ร้านกาแฟ ร้านอาหารมาเข้าโครงการ มีข้อแม้ว่า ต้องเอาเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปผสมผสาน ปลายทางของโครงการ คือ การสร้างคนให้พอ หรือคนของพ่อ"

...........................

ชัยบรรฑิต พืชผลทรัพย์ อาจารย์คณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เล่าว่า

“ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงอัจฉริยะทางดนตรี เพลงพระราชนิพนธ์ 48 เพลง หนึ่งใน 48 เราทุกคนฮัมเนื้อร้องได้ เวลาผมไปต่างประเทศ เพื่อนๆ ชาวต่างชาติมักจะถามว่า เล่นเพลงคิงส์ได้ไหม ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ กิจกรรมเพลงของพ่อ เวลา 19.00 น.ไม่ว่ามือสมัครเล่นหรือ มืออาชีพ มาร่วมบรรเลง เพลงสายฝน เพลงของพ่อ”

 

......................................

จากธุลีดินถึงจักรวาลของพ่อ

กิจกรรมจัดวันที่ 7-29 ตุลาคม 2560 ที่ช่างชุ่ย

-นิทรรศการละออง ส่งความรักจากดวงใจผ่านผลงานศิลปะ จากศิลปินไทย นักออกแบบ สถาปนิก กว่า 70 ชีวิต โดยความร่วมมือกับนิตยสาร ART4D

-ชมการแสดงโขนประเพณี ตอน“นารายณ์ปราบนนทก” โดยศิลปิน พิเชษฐ กลั่นชื่น

-นิทรรศการศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยนิตยสาร Happening,

วันอาทิตย์ 8 ,15, 22, 29 ตุลาคม 2560 เวลา 18.00-19.00 น. ฟังเสวนาเกี่ยวกับธุรกิจรุ่นใหม่ที่ยึดหลักปรัชญาเศรษฐ1กิจพจากอเพียง จากโครงการพอแล้วดี

-นิทรรศการ ‘๕๙ เมตตาแห่งพระบารมี’ ผลงานศิลปะโดยศิลปินจากมหาวิทยาลัยศิลปากร

เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า รัชกาลที่ 5 และในหลวง รัชกาลที่ 9

-น้อมรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ผ่านหนังสือกว่า 120 เล่ม จากสำนักพิมพ์มติชน ซึ่งเป็นผู้รวบรวม

-ร่วมสร้างปรากฏการณ์ดนตรีบรรเลงกีตาร์ ผ่านบทเพลงพระราชนิพันธ์ “สายฝน” ร่วมกับคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

-อาหารจากพ่อ เหล่าเชฟดังในช่างชุ่ย รังสรรค์เมนูจากดวงใจ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก พระจริยวัตร และพระราชกรณียกิจ ของในหลวง รัชกาลที่ 9

 -หนังของพ่อ อาทิ

สารคดีพิเศษ “สู่ฟ้าเสวยสวรรค์” โดย ‘มติชน’ นำเสนอองค์ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์-ศิลปวัฒนธรรมเกี่ยวกับพระเมรุมาศ

ภาพยนตร์สารคดี ‘จาริกานุสร’ โดย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาเป็นทางการครั้งแรก

ภาพยนตร์สารคดี ‘มิตรเก่าผู้กลับมา’ สารคดีที่ถ่ายทำขึ้นในวาระที่ริชาร์ด นิกสัน เยือนประเทศไทยอีกครั้ง ฯลฯ

..........................

ดูรายละเอียดกิจกรรม ช่างชุ่ย ตลอดเดือนตุลาคมนี้ได้ที่

http://www.changchuibangkok.com/activities