คาดความต้องการใช้เบนซิน-ดีเซลเพิ่มขึ้น10%

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมฯ คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันของประเทศในปีนี้ทั้งเบนซินและดีเซลจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% โดยคาดว่า ความต้องการใช้เบนซิน ทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 31.85 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 28.98 ล้านลิตรต่อวัน ในปี2559 และดีเซลปีนี้ จะอยู่ที่ 68 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 62 ล้านลิตรต่อวันในปี 2559 แม้ว่า 9 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.) ความต้องการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเฉลี่ย อยู่ที่ 30.01 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และการใช้ดีเซล อยู่ที่ 63.8 ล้านลิตรวัน เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ส่วนการนำเข้าและความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี)ในปีนี้ ยังเติบโตสูงขึ้นจากปีก่อน โดยการนำเข้าเฉลี่ยอยู่ที่ 52,000-53,000 ตันต่อเดือน เพิ่มขึ้น 23.8% จากปี 2559 ที่นำเข้าเฉลี่ยอยู่ที่ 42,000 ตันต่อเดือน และความต้องการใช้แอลพีจี ปีนี้ อยู่ที่ 505,400 ตัน เพิ่มขึ้น 2.4 % จากปี 2559 ที่มีความต้องการใช้ อยู่ที่ 495,000 ตัน ซึ่งคาดว่า ความต้องการใช้แอลพีจี ในปี 2561 จะเติบโตต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 2- 4% จากปี 2560 โดยเฉพาะการใช้แอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ

สำหรับสถานการณ์การขยายตัวของสถานีบริการน้ำมันในประเทศปีนี้ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.ปี2560 มีสถานีบริการน้ำมัน อยู่ที่ 26,988 แห่ง เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี2559 อยู่ที่ 25,613 แห่ง ซึ่งเป็นการขยายตัวของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีจี มากที่สุด 266 แห่ง อยู่ที่ 1,506 แห่ง และ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพิ่มขึ้น 117 แห่ง อยู่ที่ 1,721 แห่ง

ส่วนสถานีบริการแอลพีจี ณ สิ้นเดือน มิ.ย.ปี2560 อยู่ที่ 2,071 แห่ง ลดลงจากสิ้นปี 2559 อยู่ที่ 2,092 แห่ง ขณะที่สถานีบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) ณ สิ้นเดือน มิ.ย.ปี2560 อยู่ที่ 462 แห่ง ลดลงจากสิ้นปี 2559 อยู่ที่ 487 แห่ง โดยการใช้เอ็นจีวี ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) อยู่ที่ 6.84 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ลดลง 12.4% จากช่วงเดียวกันปี2559 เนื่องจากราคาน้ำมันปรับลดลงทำให้ประชาชนและกลุ่มรถบรรทุกสินค้าหันไปใช้น้ำมันมากขึ้น