Daily Strategy (12 ต.ค.60)

Daily Strategy (12 ต.ค.60)

ระวัง SET ยิ่งสูงยิ่งหนาว

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: เรามองกรอบดัชนี 1703-1726 จุด แนะนำนักลงทุนระมัดระวัง SET ที่ปรับตัวขึ้นมาเร็ว ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนขึ้นมาจาก 1,600 จุด ทะลุ 1,700 จุด ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามผลประกอบการไตรมาส 3/60 ที่อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงว่ากำไร บจ. ไม่ได้ร้อนแรงเท่าราคาหุ้นที่ขึ้นมา โดย AWS ยังมองระดับสูงสุด SET ปีนี้ ยังมีโอกาสไปถึง 1,740 จุด โอกาส SET ย่อตัวลงมาแล้วเข้าซื้อยังมีอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มสถาบันการเงิน หุ้นแนะนำวันนี้ TASCO, TISCO, TTA

หุ้นเด่นวันนี้: TASCO(ราคาปิด 23.00บาท; ซื้อ; เป้าหมาย 12M ของ AWS เท่ากับ 28.50บาท)

  • เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อ Outlook ของ TASCO ในช่วงไตรมาส 4/60 และ 1/61ซึ่งเป็นช่วง High Season ของบริษัท หลังการได้งบประมาณรายจ่ายประจำปีของภาครัฐตั้งแต่ 1 ต.ค.60 ทำให้คาดหวังว่ากำไรไตรมาส 4/60 จะกลับสู่ระดับ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปจากไตรมาส 3/60 ที่คาดว่าอ่อนแอเพียง 450 ล้านบาท จากการเกิด Hedging Loss คาดปี 2561 มีกำไรที่ดีขึ้นหากราคาน้ำมันไม่ปรับตัวสูงเกินไป และคาดว่าสามารถเติบโตไปตามการซ่อมสร้างถนนในจีน และภูมิภาคอาเซียน เชื่อว่าโครงการ One Belt One Road จะเอื้อประโยชน์ต่อ TASCO ด้วย
  • Price Pattern ของ TASCO แม้ว่าจะมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด Monthly Sell Signal แต่ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง Price Pattern ของ TASCO ยังมีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TASCO มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 25 บาท ทั้งนี้ TASCO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 22.70 บาท (Resistance: 23.10, 23.30, 23.60; Support: 22.80, 22.60, 22.30)   

 

ประเด็นน่าติดตาม

  • โฟกัสหุ้นรายตัว ก่อนการเลือกตั้ง: หุ้นที่มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นรับข่าวจะมีการเลือกตั้ง ที่โดดเด่นจะเป็นหุ้นกลุ่มสื่อ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการประชาสัมพันธ์หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง ตามด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มธนาคาร เนื่องจากจะมีเงินสะพัดในประเทศระดับหมื่นล้านบาทในช่วงก่อนการเลือกตั้ง โดยหุ้นที่เราคัดเลือกมาว่าน่าจะได้ประโยชน์จากกรณีนี้ ได้แก่ BBL, TCAP, BEC, MONO, CPALL, HMPRO, GLOBAL, TMT, TSTH, TASCO, TIPCO, หุ้น Top Pick เราเลือก GLOBAL, TASCO, TIPCO, BEC เป็น Top Pick ของ Theme นี้
  • เราคาดว่าบรรยากาศการลงทุนจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง ตามปกติพรรคการเมืองมักจะชูนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นโครงการระยะยาว พร้อมกับการวางนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของรากหญ้า ดังนั้นหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้างจะปรับตัวขึ้นรับข่าวการมีรัฐบาลใหม่(ส่วนใหญ่ขึ้นเพียงเดือนเดียวหลังการเลือกตั้ง) เราจึงคาดหวังว่าหุ้นรับเหมาก่อสร้างที่รับงานภาครัฐบาลจะได้รับ Sentiment ไปด้วยจากเรื่องนี้ โดยหุ้นที่เราคัดเลือก ได้แก่ CK, STEC, UNIQ, NWR, PYLON, SEAFCO, CRANE แต่จะไม่โดดเด่นเท่ากับหุ้นกลุ่มแรก
  • กรณีที่มี Fund Flowเข้าจากความเชื่อมั่นทางการเมืองที่ประเทศไทยจะเริ่มกลับเข้าสู่แนวทางประชาธิปไตยและกำหนดการจะมีการเลือกตั้ง เรายังเลือกหุ้นเด่นที่เป็นทั้ง Domestic Play และ Global Play คือ PTT, BANPU, TCAP เป็นหลัก

ปัจจัยในประเทศ:

  • SIRI(ปิด 2.44 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 2.64 บาท) โชว์ Presales แนวราบ 9 เดือนแรกกว่าหมื่นลบ.บริษัท SIRI เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัททำผลงานได้ค่อนข้างน่าพอใจ จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและคอนโดโดยล่าสุดบริษัทสามารทำยอด Presales โครงการในแนวราบไปได้แล้วถึง 10,300 ล้านบาท โดย ยอด Presales ของ 9M60 มียอดรวมถึง 24,800 ล้านบาท โดยคิดเป็น 62% ของเป้าหมายทั้งปี 40,000 ล้านบาท แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 64 บาท

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • สเปนต้องการความชัดเจนจากคาตาโลเนียโดยมีคำเตือนใหม่ ๆ เกี่ยวกับประเด็นแยกประเทศจากการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดต่อรัฐสภาระดับภูมิภาคของแคว้นคาตาโลเนียโดยนายการ์เลส ปิกเดมองต์ผู้นำของชาวคาตาลันกล่าวว่าการลงคะแนนในวันที่ 1 ตุลาคมในภูมิภาคจะทำให้แคว้นคาตาโลเนียมีสิทธิที่จะแยกตัวเป็นอิสระแต่แล้วก็ถูกระงับการใช้ผลของการลงประชามติซึ่งเป็นความต้องการอย่างล้นเหลือที่จะแยกตัวออกจากประเทศสเปน ผลสำรวจความเห็นได้ชี้ให้เห็นว่าชาวคาตาลันแตกความเห็นของการแยกตัวเป็นอิสระออกเป็นสองเสียงเท่าๆกัน อย่างไรก็ตามผู้คนส่วนใหญ่ยังคงต้องการสิทธิในการออกเสียงเพื่อลงคะแนนในประเด็นนี้ (บลูมเบิร์ก)
  • อีแวนส์ให้ความสำคัญกับแนวทางการฟื้นฟูระบบการเงินแบบทีละขั้นนายชาร์ลส์อีแวนส์ ซึ่งเป็นนายธนาคารกลางสหรัฐฯเปิดเผยว่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าธนาคารกลางสหรัฐควรใช้แนวทางที่เข้มงวดในการฟื้นฟูนโยบายทางการเงินที่ขยายตัวให้เป็นปกติ โดยนายอีแวนส์กล่าวว่า "มีการอภิปรายอย่างจริงจังในช่วงปลายปีนี้ว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่?" เขากล่าวต่อว่า "มันมีความสมเหตุสมผลอยู่ที่จะยังคงเพิ่มนโยบายต่อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เราประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2 เปอร์เซ็นต์” (บลูมเบิร์ก)
  • รายงานการประชุมของเฟดเผยว่ามีสมาชิกบางส่วนที่ไม่ได้สนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย สมาชิกหลายๆคนได้แสดงถึงความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่ต่ำในปีนี้ซึ่งอาจจะเป็นผลระยะยาว ไม่ใช่ระยะสั้นอย่างที่คาด ทั้งนี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมาได้เดือนหน้าว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่ (บลูมเบิร์ก)

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากรายงานของโอเปกระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงเพียง 400,000 บาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ต.ค.หน่วยงาน API ออกรายงานมาแล้วว่าเพิ่มขึ้น 3.097 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ EIA ยังไม่ประกาศความเห็น: สัญญาณดังกล่าวที่เกิดขึ้นทำให้มองแนวโน้มราคาน้ำมันอ่อนตัวลงในสัปดาห์หน้า
  • ค่าการกลั่นล่าสุด 7.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงจาก 7.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลลดลงเล็กน้อย แต่มีแนวโน้มจะหลุดระดับ 7 เหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นกดดันคำแนะนำ ช่วงนี้ ลดการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงกลั่นไปก่อน หลังจากราคาหุ้นปรับขึ้นสูง และให้ทยอยเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวใน TOP, BCP, SPRC เป็นหลัก
  • ค่าระวางเรือเทกอง 1,433 จุด +15 จุด เพิ่มขึ้น 1.06%เป็นปัจจัยบวกที่ยังหนุนต่อสำหรับ TTA, PSL โดยค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นในระดับที่ดี เนื่องจากธุรกิจถ่านหิน-เหล็กฟื้นตัว ราคาถ่านหิน-เหล็กทรงตัวได้ในระดับที่ดี
  • ทองคำ: สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ความเห็น: ถ้าหากเงินเฟ้อขยับปรับขึ้นไม่มาก เฟดอาจจะพิจารณาเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่เปอร์เซ็นต์การคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.ยังสูงอยู่ ทิศทางการอ่อนค่าของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ราคาทองคำราคาสูงขึ้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นในช่วงนี้ที่กระทบราคาทองคำ คือความกังวลในคาบสมุทรเกาหลี