‘อัคริณ’ลุยบูติคลักชัวรีแทรกตลาดโรงแรมสุขุมวิท

‘อัคริณ’ลุยบูติคลักชัวรีแทรกตลาดโรงแรมสุขุมวิท

ทำเลที่ธุรกิจโรงแรมหนาแน่นอย่าง "สุขุมวิท" การฉีกกลยุทธ์สร้าง "จุดต่าง" เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดความสนใจจากลูกค้า

อัญชลิกา กิจคณากร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการอัคริณโฮเทลกรุ้ป กล่าวว่า  การเข้ารับบริหาร 2 โรงแรมย่านใจกลางสุขุมวิท “อคีรา ทองหล่อ สุขุมวิท55”  และ “อคีรา สุขุมวิท 20” วางแนวคิดสร้างความต่างที่ความสะดวกสบายในพื้นที่ห้องพักที่กว้างขวางเป็นข้อได้เปรียบโครงการใหม่ที่มีขนาดห้องพักกะทัดรัด เพื่อเพิ่มจำนวนห้องให้คุ้มค่าราคาที่ดินที่ถีบตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ใช้ความได้เปรียบของทำเลทุกตารางนิ้วด้วยการพัฒนา "ร้านอาหารสร้างรายได้คู่ขนานกับห้องพัก รองรับลูกค้าที่เข้าพักและเป็นแหล่งกินดื่มของนักท่องเที่ยวละแวกนั้น

โครงการอคีรา สุขุมวิท 20 มีห้องพักราว 50 ห้อง “ไม่มาก” เทียบกับพื้นซึ่งวางขนาดห้องพักตั้งแต่ 30-60 ตร.ม. ขณะเดียวกันเสริมไฮไลท์เพื่อให้ตอบโจทย์การเป็นย่านนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจหนาแน่นแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ด้วยการพัฒนาร้านอาหารชั้นดาดฟ้าพร้อมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่และห้องอาหารให้บริการทั้งวัน (All Day Dining) 

การขยายตัวของโรงแรมย่านนี้มีสูงมาก แต่เซ็กเมนต์ที่เติบโตในเชิงจำนวนห้องพักจะอยู่ในเกรดที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวระดับกลางจะแข่งขันได้ควรวางตำแหน่งเป็น บูติคลักชัวรี"

ในทำเลเดียวกันการหาห้องพักโรงแรมที่ดีกว้างกว่า 60 ตร.ม. ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที หาไม่ง่ายแล้วในปัจจุบัน ผลดีในระยะยาวมองไปที่การปรับระดับราคาเฉลี่ยต่อห้องเพิ่มขึ้นได้ โดยอาศัยประสบการณ์เคยเปิดอคีราที่เชียงใหม่ซึ่งใช้เวลาราว 2 ปีครึ่ง ไต่ราคาจากช่วงเปิดตัวที่ 2,900 บาท มาอยู่ที่ราคาขาย 7,000 บาทและติดท็อป 3 ของโรงแรมที่ทำราคาดีที่สุดในจังหวัดต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับการปรับโฉมโรงแรมอคีรา ทองหล่อ และสุขุมวิทจะใส่สิ่งอำนวยความสะดวกเทียบเคียงเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ รองรับการเข้าพักระยะยาวของนักธุรกิจจำนวนมากในย่านทองหล่อ จุดหมายดาวรุ่งของตลาดญี่ปุ่น ส่วนสุขุมวิทมีการพัฒนาห้องพักแบบสวีท 20 ห้อง ดึงดูดการพักระยะยาวที่ลูกค้าต้องการความปลอดโปร่งและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ

การพัฒนาโครงการที่ทองหล่อซึ่งเริ่มปรับปรุงบางส่วนแล้วโดยไม่ปิดบริการ ขณะนี้คืบหน้ากว่า 30% คาดแล้วเสร็จกลางปีหน้า ทั้งนี้อัตราเข้าพักเฉลี่ยยังสูงกว่า 90% จากข้อได้เปรียบด้านการเป็นโรงแรมที่สร้างมานานจึงมีขนาดห้องพักใหญ่และมีหลายขนาดให้เลือกเช่น 1-3 ห้องนอน นอกจากตอบโจทย์การพักระยะยาวยังเหมาะกับการท่องเที่ยวแบบครอบครัว

ห้องพักจำนวนมากที่เกิดขึ้นทำให้ราคาเฉลี่ยห้องพักในกรุงเทพฯ ต่ำสุดเทียบเมืองหลวงของอาเซียนหรือที่อื่นในโลก แต่โรงแรมยังอยู่ได้และลงทุนเพิ่มต่อเนื่องเพราะฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามามหาศาลกว่า 30 ล้านคนต่อปี"

หากเป็นโรงแรมที่มีห้องพักขนาด 300-400 ห้อง การกดดันราคาให้ต่ำสุดจะเป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นแต่ต้องเหนื่อยเพื่อให้มีลูกค้ามากที่สุด แต่หากวางตำแหน่งที่ฉีกออกมาจากการแข่งขันในย่านเดียวกันจะได้กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการในอีกระดับโดยรักษาราคาเฉลี่ยที่สูงไว้ได้”

อัญชลิกา กล่าวว่า วางระดับราคาห้องพักเฉลี่ยที่สุขุมวิทไว้ที่ 3,500-4,000 บาท จะทยอยปรับขึ้นเมื่อลูกค้ารับรู้คุณภาพสินค้า โดยช่วงเปิดตัวปีแรกอัตราเข้าพักเฉลี่ย 65% ก่อนขยับเป็น 80-85% ในปีที่ 2 เป็นต้นไป

สำหรับการขยายกิจการในอนาคตมองการรับบริหารโรงแรมในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ เพิ่มอีกจังหวัดละ 1 แห่ง และมีการเจรจาเซ็นสัญญากับโครงการที่เวียดนาม 2 แห่ง ในฮอยอันและดานัง วางเป้าหมายภายในปี 2563 จะมีโรงแรมในเครือ 10-12 โรงแรม ขณะนี้ทำได้แล้ว 8 โรงแรมที่เปิดให้บริการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา โดยจะใช้แบรนด์หลัก "อคีรา" ขับเคลื่อนการเติบโตจากนี้

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแผนในการแตกแบรนด์ใหม่เพื่อทำตลาดระดับกลางหรือล่างเนื่องจากสภาพการแข่งขันโรงแรมในไทยปัจจุบันมีความคาบเกี่ยวด้านราคาสูง จากปัญหาราคาห้องพักตกต่ำ เช่นโรงแรม 4 ดาวลงมา ขายในระดับ 3 ดาว 

ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวมีทางเลือกในการได้คุณภาพบริการสูงในราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นอยู่แล้วการลงไปแข่งในระดับ 3 ดาวจึงอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมในเวลานี้

ทางด้านการลงทุนกิจการของตัวเองล่าสุดในภูเก็ต ภายใต้โครงการ “อคีรา บีช คลับ ภูเก็ต” เป็นรีสอร์ทแห่งที่ 2 ในโซนอันดามันและเป็นรีสอร์ทแห่งที่ 3 ที่เป็นเจ้าของกิจการเอง 

ปีนี้การตอบรับของนักท่องเที่ยวในภูเก็ตเติบโตสูง อัตราเข้าพักเฉลี่ย 70-80% เนื่องจากมีการขยายสนามบินรองรับนักเดินทางเพิ่มขึ้นประกอบกับมีผลพลอยได้จากแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนบ้าน เช่นบาหลี มีปัญหาด้านความปลอดภัย